CIVIL ปี 64 คว้ากำไร 193 ล้านบาท พุ่ง 122% เคาะปันผล 0.02 บาทต่อหุ้น
CIVIL เผยผลประกอบการปี 64 กำไรสุทธิ 193 ล้านบาท โต 122% บอร์ดเตรียมจ่ายปันผลเพิ่มอีก 0.02 บาทต่อหุ้น ตั้งเป้ารายได้ปี 65 โต 20% ดัน Backlog แตะ 1.5-2 หมื่นล้าน
นายปิยะดิษฐ์ อัศวศิริสุข ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีวิลเอนจีเนียริง จำกัด (มหาชน) หรือ CIVIL ผู้นำด้านวิศวกรรมโยธาที่ใช้เทคโนโลยีก่อสร้างแบบครบวงจรชั้นนำของไทย เปิดเผยถึงผลประกอบการปี 2564 บริษัทมีรายได้รวม 5,063 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีรายได้รวม 4,130 ล้านบาท จำนวน 933 ล้านบาท หรือ เพิ่มขึ้น 23% และ มีกำไรสุทธิ 193 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 87 ล้านบาท จำนวน 106 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 122%
ทั้งนี้ ผลประกอบการปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากบริษัทมีรายได้จากงานรับเหมาก่อสร้างที่เข้ามา และรับรู้รายได้อย่างต่อเนื่องในปี 2564 โดยเฉพาะกลุ่มงานทางที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น รวมถึงการบริหารจัดการโครงการที่ดี เพื่อเพิ่มศักยภาพ และความรวดเร็วในการก่อสร้าง ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นสูงขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติเสนอจ่ายเงินปันผลเพิ่มในอัตราหุ้นละ 0.02 บาท คิดเป็นจำนวนเงิน 14 ล้านบาท โดยกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิเข้าร่วมประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี (Record Date) ณ วันที่ 15 มี.ค.2565 และกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิได้รับเงินปันผล (Record Date) ณ วันที่ 5 พ.ค. 65 และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 20 พ.ค.2565
โดยบริษัทได้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลในงวด 9 เดือนแรกของปี 64 ในอัตราหุ้นละ 0.36 บาท คิดเป็นจำนวนเงิน 180 ล้านบาทไปแล้ว เมื่อวันที่ 1 ธ.ค.2564 ทั้งนี้ สิทธิในการรับเงินปันผลดังกล่าวขึ้นอยู่กับการอนุมัติจากที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นของบริษัทในวันที่ 25 เม.ย.2565
“ผลการดำเนินงานปีที่ผ่านมา ถือว่ามีการเติบโตเป็นที่น่าพอใจจากปริมาณงานที่เข้ามาอย่างต่อเนื่อง และสำหรับปี 2565 บริษัทมีความมั่นใจในการรักษาอัตราการเติบโตในเกณฑ์ที่ดี ด้วยกลยุทธ์การบริหารจัดการโครงการอย่างมีคุณภาพ รวมถึงการใช้เทคโนโลยีและเครื่องจักรที่ทันสมัยเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการก่อสร้าง พร้อมเข้ารับงานก่อสร้างทุกรูปแบบจากทั้งภาครัฐและเอกชน”
นอกจากนี้ บริษัทยังอยู่ระหว่างการเจรจาธุรกิจใหม่ เพื่อเสริมศักยภาพ สร้างการเติบโตในอนาคต โดยในปีนี้ บริษัทตั้งเป้ารายได้เติบโตอยู่ที่ 20-30% หรือที่ 6,000-6,500 ล้านบาท ในส่วนของมูลค่างานในมือ (Backlog) ณ สิ้นปี 2564 อยู่ที่ 15,700 ล้านบาท จะทยอยรับรู้รายได้ในช่วงปี 65-67 พร้อมเดินหน้าเข้าประมูลงานใหม่ทั้งภาครัฐและเอกชนต่อเนื่อง ซึ่งทั้งปี 2565 บริษัทคาดว่าจะมี Backlog เพิ่มอยู่ในระดับ 15,000 – 20,000 ล้านบาท