GULF ตั้งงบลงทุน 5 ปี 1 แสนล้าน ดันรายได้ธุรกิจพลังงานหมุนเวียน-ดิจิทัล

GULF ตั้งงบลงทุน 5 ปี 1 แสนล้าน ดันรายได้ธุรกิจพลังงานหมุนเวียน-ดิจิทัล

GULF ทุ่มงบลงทุน 5 ปี 1 แสนล้าน จากปลายปีก่อน วางงบลงทุน 10 ปี เพียง 7.4 หมื่นล้าน เน้นเพิ่มลงทุนธุรกิจพลังงานหมุนเวียน-ธุรกิจดิจิทัลมากขึ้น จ่อขอไลเซ่นส์ “ศูนย์ซื้อขาย-โบรกเกอร์ สินทรัพย์ดิจิทัล”

นางสาวยุพาพิน วังวิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF เปิดเผยว่า บริษัทตั้งงบลงทุน 5 ปี (2565-2569) จำนวน 1 แสนล้านบาท แบ่งเป็น การลงทุนในธุรกิจพลังงานหมุนเวียน 75% หรือ 7.5 หมื่นล้านบาท โรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติและก๊าซธรรมชาติ 10% หรือ 1 หมื่นล้านบาท ธุรกิจโครงสร้างพื้นฐาน 10% หรือ 1 หมื่นล้านบาท และธุรกิจดิจิทัล 5% หรือ 5 พันล้านบาท   

โดยงบลงทุนส่วนใหญ่ที่จะใช้ในธุรกิจพลังงานหมุนเวียน สอดคล้องกับเป้าหมายระยะยาวของบริษัทที่ต้องการเพิ่มสัดส่วนกำลังการผลิตจากพลังงานหมุนเวียนให้ไม่ต่ำกว่า 30% ของกำลังการผลิตทั้งหมดในปี 2573

ขณะที่ธุรกิจดิจิทัล ซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจใหม่ของบริษัท ประกอบด้วยโครงการลงทุนใน บมจ.อินทัช โฮลดิ้งส์ (INTUCH) มีเป้าหมายเพื่อกระจายโครงสร้างธุรกิจ จากเดิมที่อยู่ในธุรกิจพลังงาน รวมถึงเป็นการขยายจากธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานไปยังธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัล อีกทั้งช่วยเสริมสร้างฐานกำไรของบริษัท โดยคาดว่าจะรับรู้กำไรจาก INTUCH ปีละ 4.5-5 พันล้านบาทต่อปี และคาดว่าจะได้รับเงินปันผลอย่างสม่ำเสมอปีละ 4 พันล้านบาท

GULF ตั้งงบลงทุน 5 ปี 1 แสนล้าน ดันรายได้ธุรกิจพลังงานหมุนเวียน-ดิจิทัล

นางสาวยุพาพิน กล่าวว่า ความคืบหน้าการลงทุนในธุรกิจศูนย์ปฏิบัติการข้อมูล (Data Center) ร่วมกับ บริษัท สิงคโปร์ เทเลคอมมูนิเคชันส์ จำกัด (Singtel) และ บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (ADVANC) โดยในระยะแรกจะลงทุนราว 20-40 เมกะวัตต์ก่อน ส่วนระยะยาวตั้งเป้าหมาย 100 เมกะวัตต์ ซึ่งคาดว่าธุรกิจดังกล่าวจะสร้างรายได้ราว 70-100 ล้านบาทต่อเมกะวัตต์ต่อปี

ทั้งนี้ กลุ่มลูกค้าหลัก คือ ผู้ให้บริการรายใหญ่ (Hyperscaler) อาทิ เฟซบุ๊ก กูเกิล ไมโครซอฟท์ และอเมซอน รวมถึงลูกค้าองค์กร (Enterprise) อาทิ ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) และธนาคาร และลูกค้าภาครัฐ

ส่วนโครงการลงทุนในธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาร่วมกับกลุ่มไบแนนซ์ (Biancne) แพลตฟอร์มซื้อขายสินทรัพย์อันดับหนึ่งของโลก คาดว่าจะได้ข้อสรุปและสามารถตั้งบริษัทร่วมทุน (JV) ภายในไตรมาส 2 ปี 2565 เบื้องต้นจะขอใบอนุญาต (ไลเซ่นส์) ประกอบธุรกิจศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset Exchange) และนายหน้าซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset Broker) จากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ซึ่งจะใช้ระยะเวลาราว 3-5 เดือนในการดำเนินการ

ทั้งนี้ คาดว่าในช่วง 3-5 ปีต่อจากนี้ สัดส่วนรายได้ของธุรกิจของบริษัทจะมีการเปลี่ยนแปลง โดยธุรกิจไฟฟ้าจะลดลงเหลือ 80% ธุรกิจดิจิทัลจะเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 15% และอีก 5% มาจากธุรกิจโครงสร้างพื้นฐาน จากปัจจุบันธุรกิจไฟฟ้ามีสัดส่วนสูงสุดที่ 90%

นอกจากนี้บริษัทศึกษาควบรวมและซื้อกิจการ (M&A) โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งคาดว่าจะเห็นความชัดเจนในช่วงไตรมาส 2 และ 3 ของปี 2565

สำหรับรายได้ปี 2565 คาดเติบโต 60% อยู่ที่ 8.4 หมื่นล้านบาท จากปี 2564 ที่มีรายได้ 5.2 หมื่นล้านบาท

อนึ่งจากข้อมูล Opportunity Day เมื่อวันที่ 24 พ.ย.2564 GULF ได้ตั้งงบลงทุน 10 ปี (2565-2574) อยู่ที่ 74,000 ล้านบาท แบ่งเป็นลงทุนธุรกิจพลังงานหมุนเวียน 46,000 ล้านบาท ลงทุนโครงการโครงสร้างพื้นฐาน 11,000 ล้านบาท และ ลงทุนโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ 17,000 ล้านบาท