ททท.ผนึกแอร์ไลน์อัดโปรฯแรง! เปิดศึกแย่งชิงทัวริสต์ "อาเซียน"
“ปีแห่งการแย่งชิงนักท่องเที่ยว” คืออีกนิยามของปี 2565 ในการฟื้นฟูอุตสาหกรรมท่องเที่ยวโลก การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ตั้งเป้าดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติปีนี้ที่ 10 ล้านคน แบ่งสรรเป็นตลาดนักท่องเที่ยวระยะไกล 5 ล้านคน และตลาดระยะสั้น 5 ล้านคน
ความท้าทายของตลาด “เอเชีย” จึงบังเกิด เพราะเสาหลักอย่าง “นักท่องเที่ยวจีน” ซึ่งเคยเดินทางมาไทย 11 ล้านคน จากยอดต่างชาติเที่ยวไทยเกือบ 40 ล้านคนเมื่อปี 2562 ก่อนเจอวิกฤติโควิด-19 ท่าทีของทางการจีนยังยืนหยัดนโยบาย “โควิดเป็นศูนย์” (Zero Covid) แม้นานาชาติทยอย “เปิดประเทศ” ทำให้ ททท.ต้องเฟ้นหาตลาดที่มีศักยภาพและความพร้อมมาชดเชย
ธเนศวร์ เพชรสุวรรณ รองผู้ว่าการด้านตลาดเอเชียและแปซิฟิกใต้ ททท. กล่าวว่า จากเป้าหมายนักท่องเที่ยว “ตลาดระยะสั้น” จำนวนรวม 5 ล้านคน เบื้องต้นจำนวน 1.5 ล้านคนจะมาจากตลาดอินเดีย 5 แสนคน คิดเป็นการฟื้นตัว 25% จากยอดอินเดียเที่ยวไทยเกือบ 2 ล้านคนเมื่อปี 2562 หลังจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 1 มี.ค.ที่ผ่านมา มีมติเห็นชอบการจัดทำความตกลง Air Travel Bubble ไทย-อินเดีย เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจ มีสายการบินรวมฝั่งไทยและอินเดียอย่างน้อย 12 สายพร้อมให้บริการ คาดเห็นอัตราการขนส่งผู้โดยสาร (โหลดแฟคเตอร์) เฉลี่ย 70% ถือเป็นหัวหอกที่ช่วยชดเชยตลาดจีน!
ตลาด “ออสเตรเลีย” 2 แสนคน ปัจจุบันมีการบินไทยและสายการบินแควนตัสให้บริการ ทางการออสเตรเลียปรับมาตรการล่าสุด นักท่องเที่ยวไม่ต้องกักตัวขากลับ ได้รับรายงานว่ายอดจองตั๋วบินล่วงหน้ามาไทยในช่วงเทศกาลอีสเตอร์กลางเดือน เม.ย.นี้อยู่ที่ราว 80% แล้ว
และตลาด “อาเซียน” 8 แสนคน ซึ่ง ททท.รุกผนึกความร่วมมือกับ “สายการบิน” ในภูมิภาค วานนี้ (2 มี.ค.) ททท.กับ “ไทยเวียตเจ็ท” ได้ลงนามหนังสือแสดงเจตจำนง (LOI) มีผลต่อกันในระยะเวลา 1 ปี โดย 2 หน่วยงานจะร่วมกันวางกลยุทธ์และดำเนินกิจกรรมการตลาด ส่งเสริมประสบการณ์การท่องเที่ยวที่มีคุณภาพสำหรับตลาดอาเซียน เพื่อกระตุ้นให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยวประเทศไทยเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะการเพิ่มนักท่องเที่ยวคุณภาพจากตลาด “เวียดนาม” และ “กัมพูชา”
ย้อนสถิติไปเมื่อปี 2562 พบว่ามีชาวเวียดนามเที่ยวไทย 1,077,000 คน อัตราพักค้างเฉลี่ย 4 คืน ส่วนใหญ่นิยมเดินทางท่องเที่ยวในกรุงเทพฯ ชลบุรี อุดรธานี เชียงใหม่ และหนองคาย ขณะเดียวกันมีจำนวนนักท่องเที่ยวจากกัมพูชาอยู่ที่ 908,000 คน มีอัตราพักค้างเฉลี่ย 5 คืน และจุดหมายปลายทางยอดนิยม ได้แก่ กรุงเทพฯ ชลบุรี สระแก้ว ปทุมธานี และเชียงใหม่
โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการกลับมาเปิด “เที่ยวบินพาณิชย์” ระหว่างเวียดนาม-ไทย และกัมพูชา-ไทย รวมทั้งร่วมกันจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย (Joint Promotion) เป็นกิมมิคน่าสนใจ ในตลาดเวียดนาม จะขายแพ็คเกจตั๋วบินมาไทย 1 ใบ แถมตั๋วบินเที่ยวไม่อั้นภายในไทยระยะเวลา 1 เดือน ส่วนตลาดกัมพูชา ขายแพ็คเกจตั๋วบินมาไทย 1 ใบ แถมโปรแกรมตรวจสุขภาพ 1 แพ็คเกจ เพื่อเจาะตลาดท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ เริ่มขายเดือน มี.ค.นี้ ตั้งเป้ายอดขายแพ็คเกจรวมที่ 20,000 แพ็คเกจ
นอกจากนี้ ททท.เตรียมร่วมมือทำการตลาดร่วมกับ “ไทยแอร์เอเชีย” เจาะตลาดอาเซียนตามแผนกลับมาเปิดเส้นทางบินระหว่างประเทศจากไทยสู่เวียดนาม มาเลเซีย และสิงคโปร์ ที่จะเริ่มทำการบินเดือน มี.ค.นี้ รวมถึงเส้นทางสู่กัมพูชาซึ่งเริ่มให้บริการเมื่อปลายปีที่ผ่านมา
อย่างตลาดนักท่องเที่ยวมาเลเซีย ได้อานิสงส์จากการที่นายกรัฐมนตรีมาเลเซียเดินทางมาเยือนประเทศไทยเมื่อวันที่ 24-26 ก.พ.ที่ผ่านมา เพื่อเข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และทำ “ทราเวลบับเบิล” (Travel Bubble) แลกเปลี่ยนนักท่องเที่ยวระหว่างกันโดยไม่ต้องกักตัว เริ่มภายในเดือน มี.ค.นี้ นอกจากนี้รัฐบาลไทยเพิ่งปรับมาตรการเดินทางเข้าราชอาณาจักรตามมติ ศบค. เมื่อวันที่ 23 ก.พ.ที่ผ่านมา อนุญาตให้นักท่องเที่ยวประเภท Test & Go เดินทางผ่านด่านทางบกสู่ 3 จังหวัดของไทย หนึ่งในนั้นมี จ.สงขลา ซึ่งในปีปกติมีนักท่องเที่ยวมาเลเซียมาเที่ยวไทย อ.หาดใหญ่ จำนวนมาก
“สายการบินจึงถือเป็นหัวใจสำคัญในการผลักดันเป้าหมายเบื้องต้นดึงนักท่องเที่ยวจากอาเซียน อินเดีย และออสเตรเลีย ให้ไปถึง 1.5 ล้านคน”
ธเนศวร์ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับเป้าหมายที่เหลืออีก 3.5 ล้านคนของตลาดระยะสั้น ต้องจับตาดู “ตลาดเอเชียตะวันออก” เช่น “ญี่ปุ่น” ว่าจะเริ่มเห็นการไหลตัวของนักท่องเที่ยวในช่วงหยุดยาวโกลเด้นวีคตั้งแต่ปลายเดือน เม.ย.ถึงต้นเดือน พ.ค.หรือไม่ หลังจากเมื่อวันที่ 1 มี.ค.ที่ผ่านมา ทางญี่ปุ่นออกประกาศว่าชาวญี่ปุ่นที่เดินทางออกนอกประเทศไม่ต้องกักตัวขากลับ
ด้านตลาด “จีน” ยังหวังว่าจะเห็นท่าทีใหม่ของทางการจีนในการทยอยเปิดประเทศ เริ่มจากบางมณฑลที่สามารถควบคุมการระบาดโควิด-19 ได้ดี เช่น มณฑลทางตอนใต้ ยูนนาน กวางตุ้ง และเสฉวน ผ่อนคลายให้ชาวจีนในมณฑลดังกล่าวออกท่องเที่ยวต่างประเทศได้ในช่วงกลางปีหรือไตรมาส 3 นี้เป็นต้นไป เนื่องจากปัจจุบันยังมีนโยบายให้กักตัวขากลับประเทศจีนนาน 14-21 วัน
“ททท.หวังว่าในช่วงครึ่งปีหลังนี้จะสามารถเจาะนักท่องเที่ยวตลาดจีนได้ และเห็นท่าทีใหม่ของบางมณฑลเริ่มผ่อนคลายนโยบายการกักตัวขากลับมากขึ้น”