นายกฯเรียกประชุม "ทีมเศรษฐกิจ" ถกแก้ราคาน้ำมันแพง- แก้หนี้ - เร่งลงทุน
นายกฯ ห่วงใย ผลกระทบจากสถานการณ์โควิด – 19 และ สถานการณ์การความตึงเครียดในยุโรป สั่งการคณะที่ปรึกษาเร่งหามาตรการดูแล ลดภาระค่าครองชีพจากราคาน้ำมัน ค่าก๊าซ ค่าไฟฟ้า แก้หนี้ ประชาชน พร้อมสั่งเร่งรัดการลงทุน
วันนี้ (3 มีนาคม 2565) เวลา 09.30 น. ณ ห้องสีเขียว ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นายกรัฐมนตรีเป็นประธานการประชุมร่วมกับคณะที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ประกอบไปด้วย นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน นายดิสทัต โหตระกิตย์ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี นายทศพร ศิริสัมพันธ์ ประธานคณะที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี นายไกรฤทธิ์ อุชุกานนท์ชัย คณะที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี
นายประสัณห์ เชื้อพานิช คณะที่ปรึกษานายกฯ นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร คณะที่ปรึกษานายกฯ และนายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง
ทั้งนี้ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุม นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีได้เปิดเผยผลการประชุมฯ ดังนี้
เนื่องจากแม้ว่ารัฐบาลได้ดำเนินการแก้ปัญหาอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้เศรษฐกิจของประเทศจะฟื้นตัวขึ้นมาก แต่ยังมีประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 และสถานการณ์ความตึงเครียดในยุโรปซึ่งส่งผลให้พลังงานราคาสูงขึ้น โดยนายกรัฐมนตรีห่วงใย และให้ความสำคัญกับประชาชนที่ได้รับผลกระทบนี้จึงสั่งการคณะที่ปรึกษาให้เดินหน้าอย่างเร่งด่วน ดำเนินการตาม 3 แนวทางหลัก ดังนี้
1. หาแนวทางลดภาระค่าใช้จ่าย ดูแลประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้ร่วมพิจารณามาตรการที่เหมาะสม แบ่งเบาภาระของประชาชน อาทิ การช่วยเหลือเพื่อบรรเทาราคาน้ำมัน ราคาก๊าซหุงต้ม ค่าไฟฟ้า เป็นต้น
2. การบรรเทาภาระหนี้สิน เป็นประเด็นที่รัฐบาลดูแลมาโดยตลอด รัฐบาลได้กำหนดให้ในปี 2565 นี้เป็น “ปีแห่งการแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือน” และได้กำหนดแนวทางที่ชัดเจนในการแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือนไว้ครอบคลุมทุกมิติ อย่างไรก็ดีในการประชุมฯ นายกรัฐมนตรีต้องการให้มีหน่วยงานขับเคลื่อนเพื่อให้ดูแลประชาชนทุกคน เพื่อบรรเทาภาระหนี้ให้กับประชาชนไม่ให้มีคนต้องถูก ยึดบ้าน ยึดรถ
3. การลงทุนเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศและเพิ่มรายได้ให้ประชาชน ทั้งนี้ เพื่อเพิ่มโอกาสในการสร้างรายได้ให้แก่ประชาชนอย่างทั่วถึงและเสมอภาค นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้เร่งรัดการลงทุนโครงการขนาดใหญ่ของรัฐ ให้มีเม็ดเงินกระจายลงไปในพื้นที่ ทั้งโครงการ EEC โครงสร้างพื้นฐานสร้างความเชื่อมโยง กระจายทรัพยากรสู่ภูมิภาคและท้องถิ่น รถไฟเส้นทางขนส่งสินค้าส่งออกซึ่งทำได้ในปริมาณมาก ประหยัด รวดเร็ว และเป็นโอกาสเพิ่มกิจกรรมทางเศรษฐกิจ
ซึ่งในการประชุมครั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้เร่งรัดมาตรการเพื่อแก้ไขปัญหาโดยเร่งด่วน ต้องการให้แบ่งเบาภาระประชาชนทุกคนเห็นผลโดยเร็วที่สุด