เปิดสถิติ ก.พ.65 "รัสเซีย" อันดับ 1 เที่ยวไทย ก่อนนานาประเทศคว่ำบาตร!
“ศปก.กก.” กางสถิติเดือน ก.พ.65 หลังกลับมาเปิดลงทะเบียนรับนักท่องเที่ยวประเภท “Test & Go” รอบใหม่ 1 ก.พ.65 เป็นต้นมา นักท่องเที่ยว “รัสเซีย” เข้าวินอันดับ 1 ก่อนเกิดวิกฤติ “รัสเซีย-ยูเครน” นานาประเทศคว่ำบาตร ฉุดอันดับร่วงหลุดท็อป 5 ในช่วง 3 วันแรกของเดือน มี.ค.65
รายงานข่าวจากศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านการท่องเที่ยวและกีฬา (ศปก.กก.) ระบุว่า หลังจากรัฐบาลกลับมาเปิดระบบลงทะเบียนรับนักท่องเที่ยวประเภท Test & Go รอบใหม่ ซึ่งเปิดรับนักท่องเที่ยวจากทุกประเทศ เริ่มเมื่อวันที่ 1 ก.พ.ที่ผ่านมา จากการเก็บสถิติของกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) พบว่ามีจำนวนผู้เดินทางจริงเข้าราชอาณาจักรทางอากาศ ตั้งแต่วันที่ 1-28 ก.พ.2565 สะสมที่ 203,970 คน
แบ่งเป็นนักท่องเที่ยวประเภท Test & Go จำนวน 137,312 คน ประเภทแซนด์บ็อกซ์ (Sandbox) จำนวน 57,775 คน ประเภทกักตัว 7 วัน จำนวน 6,919 คน ประเภทกักตัว 10 วัน จำนวน 1,964 คน
สำหรับประเทศต้นทางที่มีผู้เดินทางเข้าไทยมากที่สุด 10 อันดับแรก ได้แก่
อันดับ 1 รัสเซีย 17,599 คน
อันดับ 2 เยอรมนี 13,964 คน
อันดับ 3 ฝรั่งเศส 11,278 คน
อันดับ 4 สหราชอาณาจักร 11,231 คน
อันดับ 5 สิงคโปร์ 8,839 คน
อันดับ 6 สหรัฐอเมริกา 6,919 คน
อันดับ 7 สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 6,910 คน
อันดับ 8 ออสเตรเลีย 6,150 คน
อันดับ 9 อิสราเอล 4,660 คน
อันดับ 10 คาซัคสถาน 4,627 คน
และจากประเทศอื่นๆ 111,793 คน
และหลังจากกองกำลังทหารรัสเซียเปิดฉากโจมตียูเครนเมื่อปลายเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา ทำให้สหรัฐและประเทศพันธมิตรประกาศมาตรการ “คว่ำบาตร” ต่อรัสเซีย โดยเฉพาะมาตรการตัดรัสเซียออกจากระบบธุรกรรมการเงินระหว่างประเทศ (SWIFT) ขณะที่ค่าเงินรูเบิลอ่อนค่ารุนแรง ส่งผลกระทบโดยตรงต่อการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวรัสเซียในการเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศ
เมื่อดูข้อมูลเฉพาะ วันที่ 1-3 มี.ค.2565 พบว่ามีจำนวนนักท่องเที่ยวรัสเซียเดินทางเข้าไทย 886 คน ร่วงไปอยู่อันดับ 6 จากจำนวนผู้เดินทางจริงทั้งหมด 24,967 คน
ส่วนประเทศต้นทางที่มีผู้เดินทางเข้าไทยมากที่สุด 10 อันดับแรกในช่วง 3 วันแรกของเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา
อันดับ 1 เยอรมนี 1,876 คน
อันดับ 2 สหราชอาณาจักร 1,678 คน
อันดับ 3 สิงคโปร์ 1,450 คน
อันดับ 4 สหรัฐ 1,180 คน
อันดับ 5 ออสเตรเลีย 1,004 คน
อันดับ 6 รัสเซีย 886 คน
อันดับ 7 ฝรั่งเศส 867 คน
อันดับ 8 สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 864 คน
อันดับ 9 อิสราเอล 771 คน
อันดับ 10 คาซัคสถาน 734 คน
และจากประเทศอื่นๆ 13,657 คน