ก.ล.ต.เคาะแนวทางกำกับ utility token พร้อมใช้ เหมือนกับระดมทุนในตลาดแรก - รอง

ก.ล.ต.เคาะแนวทางกำกับ utility token พร้อมใช้  เหมือนกับระดมทุนในตลาดแรก - รอง

บอร์ด ก.ล.ต. ไฟเขียว กำกับ" utility token พร้อมใช้" ที่จดทะเบียนในศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล เพื่อระดมทุน ใช้แนวทางเดียวกับการระดมทุนในตลาดแรก - ตลาดรอง หวังคุ้มครองนักลงทุน พร้อมขยายเวลายกเว้นค่าฟีหุ้นกู้ยั่งยืนอีก 3 ปี

นางสาวรื่นวดี สุวรรณมงคล เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยการประชุมคณะกรรมการ ก.ล.ต. ครั้งที่ 3/2565 เมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2565 โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้

1. คณะกรรมการ ก.ล.ต. มีมติเห็นชอบแนวทางการกำกับดูแล “โทเคนดิจิทัลเพื่อการใช้ประโยชน์ในลักษณะพร้อมใช้” (utility token พร้อมใช้) นับตั้งแต่พระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561 มีผลใช้บังคับ ตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลมีพัฒนาการอย่างมาก ในหลายอุตสาหกรรมมีการใช้งานสินทรัพย์ดิจิทัล โดยแปลงสิทธิเป็นโทเคนดิจิทัลเพื่อการใช้ประโยชน์ที่มีลักษณะพร้อมใช้* เช่น อุตสาหกรรมท่องเที่ยว บันเทิง และกีฬา มีการแปลงคูปอง บัตรกำนัล คะแนนสะสม หรือบัตรเข้าชมงาน ให้อยู่ในรูปโทเคนดิจิทัล

และมีความประสงค์ที่จะนำ “utility token พร้อมใช้” ไปจดทะเบียน (list) และซื้อขายในศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล โดยอาจมีวัตถุประสงค์เพื่อการระดมทุน หรือการซื้อขาย/การลงทุนมากกว่าการใช้สิทธิประโยชน์ที่ได้รับจากโทเคนดิจิทัล จึงควรใช้กลไกการกำกับดูแลในแนวเดียวกับการระดมทุน ทั้งในตลาดแรกและตลาดรอง เพื่อเพิ่มการคุ้มครองผู้ซื้อขาย/ผู้ลงทุนให้มีข้อมูลเพียงพอ รวมทั้งมีกลไกกำกับดูแลการซื้อขายในตลาดรองที่ชัดเจน และมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น 

คณะกรรมการ ก.ล.ต. จึงมีมติเห็นชอบหลักการในการปรับปรุงแนวทางการกำกับดูแล “utility token พร้อมใช้” ทั้งในตลาดแรกและตลาดรอง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการกำกับดูแลให้สอดคล้องกับลักษณะความเสี่ยง พัฒนาการและการใช้งาน รวมถึงการคุ้มครองผู้ลงทุนให้เหมาะสม เช่น กำหนดให้ผู้ออกเสนอขาย (issuer) ที่ประสงค์จะนำ “utility token พร้อมใช้”

ไปจดทะเบียนซื้อขายในศูนย์ซื้อขาย ต้องขออนุญาตเสนอขายกับ ก.ล.ต. และปฏิบัติตามกฎเกณฑ์และเงื่อนไขที่กำหนด ให้ศูนย์ซื้อขายฯ มีกลไกด้านการเปิดเผยข้อมูลและกำกับดูแลความเสี่ยงในการซื้อขายเพิ่มขึ้น เป็นต้น โดยโทเคนดิจิทัลดังกล่าวต้องไม่เข้าข่ายเป็นการนำสินทรัพย์ดิจิทัลมาใช้เป็นสื่อกลางในการชำระค่าสินค้าและบริการ (Means of Payment) 

ทั้งนี้ ก.ล.ต. จะเปิดรับฟังความคิดเห็นจากผู้ที่เกี่ยวข้อง ผู้สนใจ และประชาชนเกี่ยวกับแนวทางการกำกับดูแลดังกล่าวต่อไป

2. คณะกรรมการ ก.ล.ต. มีมติเห็นชอบการขยายเวลายกเว้นค่าธรรมเนียมอนุญาตและแบบไฟลิ่งหุ้นกู้ยั่งยืนต่ออีก 3 ปี  โดยคณะกรรมการ ก.ล.ต. มีมติเห็นชอบหลักการในการขยายระยะเวลาการยกเว้นค่าธรรมเนียมการยื่นคำขออนุญาตและค่าธรรมเนียมการยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายตราสารหนี้ (แบบไฟลิ่ง) สำหรับการออกเสนอขายตราสารหนี้หรือหุ้นกู้กลุ่มยั่งยืน ได้แก่ ตราสารหนี้เพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม (Green Bond) ตราสารหนี้เพื่อพัฒนาสังคม (Social Bond) ตราสารหนี้เพื่อความยั่งยืน (Sustainability Bond) และตราสารหนี้ส่งเสริมความยั่งยืน (Sustainability-linked Bond) ต่อเนื่องไปอีก 3 ปี จนถึงวันที่ 31 พฤษภาคม 2568  

นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการ ก.ล.ต. ยังมีมติเห็นชอบให้ปรับปรุงเงื่อนไขการใช้เงินลงทุนสำหรับ Green Bond Social Bond และ Sustainability Bond เพื่อใช้ในโครงการที่เกี่ยวข้องกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและการพัฒนาสังคมเพื่อความยั่งยืน โดยไม่จำกัดประเทศที่ลงทุน จากเดิมที่กำหนดให้ใช้เงินในประเทศไทยหรือกลุ่มประเทศ CLMV (กัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม)

เพื่อขยายโอกาสการลงทุนสำหรับภาคธุรกิจทั้งใน และนอกภูมิภาค และเน้นย้ำบทบาทตลาดทุนไทยที่มุ่งส่งเสริมการดำเนินธุรกิจโดยคำนึงถึงการแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของโลก รวมทั้งเพื่อรองรับเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ในปี 2593 และเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์หรือก๊าซเรือนกระจกสุทธิให้เป็นศูนย์ (Net Zero Emission) ในปี 2608

ทั้งนี้ นับจากที่มีเกณฑ์รองรับหุ้นกู้กลุ่มยั่งยืนในปี 2561 จนถึง ณ สิ้นปี 2564 มีผู้ออกเสนอขายหุ้นกู้กลุ่มยั่งยืนทุกประเภท รวมทั้งสิ้น 21 ราย คิดเป็นมูลค่ารวมประมาณ 3 แสนล้านบาท

 

 

พิสูจน์อักษร โดย....สุรีย์  ศิลาวงษ์