ปลดล็อก “กองทุนน้ำมัน” สู้วิกฤติ ชง กพช.ขยายเพดานกู้เงิน
ชง กพช.ขยายเพดานกู้เงินกองทุนน้ำมัน รับมือราคาพลังงานพุ่ง “รัฐบาล” ยันตรึงดีเซลได้ 2 เดือน เชื่อราคาลดลงหลังพ้นฤดูหนาว “คลัง” ชี้หากราคาพุ่งต่อเนื่องต้องเพิ่มเงินอุดหนุนขายปลีกดีเซล พร้อมลดภาษีอีก “สันติ” แจงยังไม่ปรับลดอัตราภาษีน้ำมันเบนซิน เสนอ ครม.ลดค่าไฟฟ้า
สถานการณ์สงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครนส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้น โดยราคาน้ำมันดิบเบรนท์ทะยานขึ้นไปเกือบ 130 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล สูงสุดตั้งแต่ปี 2551 เมื่อสหรัฐและพันธมิตรยุโรปเล็งห้ามนำเข้าน้ำมันรัสเซีย และเลื่อนโอกาสการส่งออกน้ำมันดิบอิหร่านสู่ตลาดโลกยิ่งทำให้กังวลเรื่องอุปทานน้ำมันตึงตัว
ในขณะที่วานนี้ (7 มี.ค.) เวลา 14.23 น.ตามเวลาประเทศไทย สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบเบรนท์พุ่งขึ้น 10.88 ดอลลาร์ หรือ 9.2% มาอยู่ที่ 128.99 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบดับเบิลยูทีไอของสหรัฐ ราคาสูงขึ้น 9.80 ดอลลาร์ หรือ 8.5% มาอยู่ที่ 125.48 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ช่วง 2-3 นาทีแรกของการซื้อขายวานนี้ ทั้งน้ำมันดิบเบรนด์และดับเบิลยูทีไอพุ่งขึ้นกว่า 10 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล สู่ระดับสูงสุดตั้งแต่ ก.ค.2551 เบรนท์อยู่ที่ 139.13 ดอลลาร์ และดับเบิลยูทีไออยู่ที่ 130.50 ดอลลาร์
ขณะที่ราคาขายปลีกในประเทศปรับขึ้นอีกครั้งในวันนี้ (8 มี.ค.) ซึ่งประกาศขึ้นทุกชนิด 60 ส.ต.ทำให้ราคาดีเซลขึ้นมาอยู่ที่ 30.54 บาท เกินเพดานที่รัฐบาลตรึง 30 บาท แต่เวลา 18.30 น.มีการแจ้งอีกครั้งคงราคาดีเซลที่ 29.94 บาท
สถานการณ์ดังกล่าวทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี สั่งการให้กระทรวงพลังงานและกระทรวงการคลังหามาตรการดูแลประชาชน รวมทั้งวันพรุ่งนี้ (9 มี.ค.) นายกรัฐมนตรี จะเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) เพื่อทบทวนแผนรับมือวิกฤติน้ำมัน
แหล่งข่าวจากกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า จะเสนอ กพช.แก้ไข พ.ร.บ.กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ.2562 หมวด 4 มาตรา 26 ที่ระบุว่ากองทุนต้องมีจำนวนเงินเพียงพอเพื่อใช้ในการบริหารจัดการกองทุนอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งเมื่อรวมกับเงินกู้ตามวรรคสองแล้วต้องไม่เกินจำนวนสี่หมื่นล้านบาท
โดยจะเสนอตัดบางถ้อยคำที่ว่า “ซึ่งเมื่อรวมกับเงินกู้ตามวรรคสองแล้วต้องไม่เกินจำนวนสี่หมื่นล้านบาท” ออกเพื่อช่วยให้การทำงานของกองทุนมีความยืดหยุ่นมากขึ้น และอาจทำให้กองทุนสามารถกู้เงินมาใช้ดูแลเสถียรภาพราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศได้ตามความเหมาะสมของแต่ละสถานการณ์และความจำเป็นได้มากขึ้น
ลุยใช้กองทุนน้ำมันอุ้ม
แหล่งข่าว กล่าวว่า กระทรวงพลังงานยังคงใช้กลไกกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเพื่อตรึงราคาภาคพลังงาน โดยเฉพาะดีเซลที่อุดหนุนลิตรละ 5.08 บาท แต่สถานการณ์ราคาพลังงานที่สูงขึ้นส่งผลให้เงินกองทุนในบัญชีน้ำมันและบัญชีก๊าซแอลพีจีภาคครัวเรือนเดือนละ 13,000 ล้านบาท ในขณะที่มีเงินไหลเข้ากองทุนเดือนละ 5,000 ล้านบาท และสถานะกองทุนปัจจุบันติดลบ 21,838 ล้านบาท
ทั้งนี้ ปัจจุบันกองทุนได้รับการอนุมัติเพดานกู้เงินจาก ครม. 30,000 ล้านบาท และได้รับอนุมัติกู้แล้ว 20,000 ล้านบาท รวมทั้งในเดือน มี.ค.2565 จะเสนอขออนุมัติกู้อีก 10,000 ล้านบาท ในขณะที่กระแสเงินสดของกองทุนอยู่ที่ 20,000 ล้านบาท ถือเป็นระดับน่ากังวลและต้องรีบเพิ่มสภาพคล่องให้กองทุน
ส่วนปัจจุบันกองทุนน้ำมันเปลี่ยนสถานะทางกฎหมายเป็นองค์กรมหาชนและอยู่ระหว่างให้สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ตรวจสอบบัญชีและหาก สตง.อนุมัติงบดุลแล้วจึงกู้ได้ ซึ่งคาดว่าจะกู้ได้ในเดือน มี.ค.นี้
ยันตรึงดีเซลต่อได้ 2 เดือน
แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า การประชุม ครม.วันนี้ (8 มี.ค.) จะพิจารณาข้อเสนอของกระทรวงพลังงานในการลดภาระค่าไฟฟ้าให้ประชาชนเป็นการทั่วไป เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนจากราคาน้ำมันที่ปรับสูงขึ้นในเวลานี้
ทั้งนี้การแก้ไขปัญหาวิกฤติราคาพลังงานในขณะนี้รัฐบาลจะดำเนินการอย่างระมัดระวัง เพื่อใช้งบประมาณมีประสิทธิภาพที่สุด โดยหวังว่าหลังพ้นฤดูหนาวในยุโรปช่วงเดือน เม.ย.นี้ และเริ่มเข้าฤดูร้อนเดือน พ.ค.นี้ ปริมาณการใช้พลังงานเในยุโรปจะลดลง ซึ่งจะช่วยลดแรงกดดันราคาพลังงานได้ระดับหนึ่ง แม้ว่าขณะนี้สงครามรัสเซีย-ยูเครน ยังไม่จบก็ตาม
สำหรับนโยบายการตรึงราคาน้ำมันดีเซลจากมาตรการลดภาษีดีเซลลง 3 บาทต่อลิตร ของกระทรวงการคลัง 3 เดือน ร่วมกับการใช้เงินอุดหนุนจากกองทุนน้ำมัน ซึ่งมีวงเงินที่กู้ได้ 30,000 ล้านบาท จะทำให้รัฐบาลตรึงราคาขายปลีกดีเซลให้อยู่ระดับไม่เกินลิตรละ 30 บาท ได้อีก 2 เดือน ซึ่งพอดีกับช่วงที่ยุโรปพ้นฤดูหนาวและแรงกดดันราคาพลังงานลดลง
น้ำมันพุ่งต้องอุดหนุนเพิ่ม-ลดภาษีอีก
แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลัง กล่าวว่า สถานการณ์สู้รบรัสเซีย-ยูเครน ที่สงผลกระทบทำให้ราคาน้ำมันสูงขึ้นนั้น กระทรวงการคลังประเมินว่าการปรับขึ้นทุก 10 ดอลลาร์ จะกระทบจีดีพีลดลง 0.01% โดยหากราคาน้ำมันในตลาดโลกพุ่งสูงต่อเนื่องไปที่บาร์เรลละ 120 ดอลลาร์ ราคาขายปลีกดีเซลจะพุ่งขึ้นไปเกือบลิตระล 40 บาท
ทั้งนี้หากรัฐบาลต้องการตรึงราคาขายปลีกดีเซลให้อยู่ไม่เกินลิตรละ 30 บาท ต้องใส่เงินกองทุนน้ำมันเพื่ออุดหนุนราคามากขึ้น รวมถึงอาจต้องลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลลงอีก จากปัจจุบันลดลงจากอัตราปกติไปครึ่งหนึ่ง
และทางเลือกอีกแนวทาง คือ การขยับเพดานราคาดีเซลขายปลีกให้สูงเกินลิตรละ 30 บาท โดยใช้เงินกองทุนน้ำมันและใช้มาตรการลดภาษีน้ำมันเพื่อให้ราคาขายปลีกอยู่ระดับเหมาะสม และสอดคล้องสถานการณ์ที่ราคาน้ำมันดิบตลาดโลกสูงขึ้น
ยันไม่ลดภาษีเบนซิน
นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ปัญหาราคาพลังงานเป็นปัญหาระยะสั้น ซึ่งเร็วไปที่กระทรวงการคลังจะพูดเรื่องการลดภาษีน้ำมันอีก ซึ่งกองทุนน้ำมันยังทำหน้าที่ดูแลดีเซลไม่ให้ขึ้นราคา
นายสันติ ตอบคำถามประเด็นการลดภาษีเบนซินว่า เร็วไปที่จะพูดเรื่องนี้ โดยปัจจัยที่มากระทบราคาน้ำมัน โดยเฉพาะปัญหาความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับยูเครนเชื่อว่าไม่ขยายวง เนื่องจากสหรัฐ ยุโรปและจีน จะช่วยให้ปัญหาดังกล่าวไม่ขยายตัว จึงขอให้ประชาชนช่วยกันประหยัดการบริโภคพลังงาน เช่น การใช้รถโดยสารประจำทางแทนรถยนต์ส่วนบุคคล ซึ่งจะเป็นส่วนหนึ่งที่จะลดค่าครองชีพ