กองทุน ปรับพอร์ตลงทุน’ตั้งรับ’ สงครามรัสเซีย-ยูเครนเสี่ยงยืดเยื้อ
"นายกสมาคมบลจ." เผย กองทุน เกาะติดสงครามรัสเซีย-ยูเครน เข้าสู่โหมดระมัดระวัง -ขายลดความเสี่ยง ด้าน บลจ.กรุงไทย ลดพอร์ตสินทรัพย์เสี่ยง เน้น ถือเงินสด รอจังหวะเข้าซื้อ
นายวศิน วณิชย์วรนันต์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กสิกรไทย และในฐานะนายกสมาคมบริษัทจัดการลงทุน (AIMC) เปิดเผยว่า กองทุนเข้าสู่โหมดระมัดระวังและลดความเสี่ยงตามภาวะตลาดหลังจากสถานการณ์สงครามรัสเซียกับยูเครน เริ่มยืดเยื้อและอาจยังยุติไม่ได้ แม้จะมีการเจรจา 3 ครั้งแล้วก็ตาม
ทั้งนี้ หากภาวะสงครามรัสเซียกับยูเครน ยืดเยื้อ จะกดดันราคาพลังงานและต้นทุนการขนส่งให้อยู่ในระดับสูงยาวนานกว่าที่คาด กดดันให้เงินเฟ้อเร่งตัวขึ้น เพิ่มความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจทั่วโลกถดถอย และกดดันผลตอบแทนในสินทรัพย์ต่างๆ ขณะเดียวกันหากเศรษฐกิจยุโรป เข้าสู่ภาวะถดถอยน่าจะส่งกระทบต่อการท่องเที่ยวของไทยด้วยเช่นกัน
สำหรับในภาวะตลาดขณะนี้มองว่า ยังมีความไม่แน่นอนสูงและประเมินทิศทางยาก เรายังต้องติดตามสถานการณ์ปัจจัยต่างๆ อย่างใกล้ชิดและรอการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจต่างๆทั้งในไทยและต่างประเทศก่อน
ดังนั้น กองทุนยังคงใช้กลยุทธ์การลงทุน เน้นปรับลดพอร์ตลงทุน ทั้งตราสารหนี้ หุ้นไทยและหุ้นต่างประเทศ โดยขายลดความเสี่ยงช่วงภาวะตลาดยังมีความไม่แน่นอนสูง และยังระมัดระวังการลงทุนมากขึ้นเพื่อลดความเสี่ยง
อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวยังมีมุมมองเชิงบวกต่อตลาดหุ้นไทย คาดว่าไม่น่าจะต่ำกว่าปีก่อน เพราะเศรษฐกิจไทยยังเป็นภาพของการฟื้นตัวมากกว่าตลาดอื่นๆ จากการแพร่ระบาดโควิดโอมิครอนน่าจะคุมได้โดยไม่มีการล็อกดาวน์ และไม่น่ามีการปรับขึ้นดอกเบี้ยในปีนี้
อีกทั้งสัดส่วนในโครงสร้างตลาดหุ้นไทยเป็นหุ้นคุณค่าและราคาหุ้นยังไม่ปรับขึ้นมาก ทำให้การลงทุนมีความคุ้มค่า หุ้นไทยจึงยังเป็นที่สนใจของนักลงทุนต่างชาติ ยังสามารถคาดหวังฟันด์โฟลว์ไหลเข้ามาได้ในระดับหนึ่งหนุนดัชนี
ด้านบลจ.กสิกรไทย แนะการลงทุนนักลงทุนหน้าใหม่ ยังต้องระมัดระวังการเข้าลงทุน ต้องติดสถานการณ์รอทิศทางตลาดชัดเจน
ขณะที่นักลงทุนทั่วไปและระยะยาว เน้นการปรับพอร์ต ลดน้ำหนักหุ้นพี/อีสูง หุ้นเติบโต พันธบัตรระยะกลางถึงยาว ในส่วนของบลจ.กสิกรไทย เน้นการกระจายการลงทุนสร้างสมดุลพอร์ตมากขึ้น
นางชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการ บลจ. กรุงไทย กล่าวว่า หากสงครามรัสเซียกับยูเครนยังคงคุกรุ่น และมีโอกาสยืดเยื้อในระยะอีก 6 เดือนข้างหน้า ส่งผลกระทบต้นทุนการผลิตและวัตถุดิบปรับตัวสูงขึ้น เงินเฟ้อเร่งตัวขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ กดดันให้ในปีนี้มีโอกาสที่เศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทยจะชะลอตัวลง
สำหรับขณะนี้พบว่ากองทุนและนักลงทุนต่างประเทศ มีความกังวลหลายระดับมาก กองทุนต่างประเทศ เข้าสู่โหมดปิดรับความเสี่ยงพอสมควร นิ่ง รอดูสถานการณ์ ขณะที่กองทุนไทย อย่างบลจ.กรุงไทย ใช้กลยุทธ์ปรับลดสถานะการถือครองสินทรัพย์เสี่ยงลงและถือเงินสดมากขึ้น อย่างกองทุนหุ้น ถือครองเงินสดระดับไม่เกิน 5-10%ของพอร์ต รอประเมินสถานการณ์ และหาโอกาสเข้าลงทุนได้ ในจังหวะตลาดรับข่าวร้ายมากที่สุดแล้ว ในกลุ่มหุ้นที่กำไรยังเติบโต ไม่ได้รับผลกระทบ เช่น โรงพยาบาล เทเลคอม
ส่วนคำแนะนำการลงทุน ในช่วงที่มีข่าวร้ายยังมีความไม่แน่นอนสูง ต้องระมัดระวัง ไม่ควรเสี่ยง ควรรอประเมินสถานการณ์ ไม่หวั่นไหวไปกับภาวะตลาดที่ผันผวนสูงและไม่ชัดเจน พร้อมกันนี้สามารถเพิ่มน้ำหนักลงทุนบางส่วนในกองทุนคอมมูนิตี้ (ทอง น้ำมัน) ช่วยป้องกันความเสี่ยงรองรับในตลาดไม่แน่นอน