กองทุน ย้ำไม่ไล่ซื้อ'ทอง'ช่วงขาขึ้น ยังคุมพอร์ตไม่เกิน10%
"บลจ.ยูโอบี" ชี้ราคาทองพุ่งทะลุเกิน 2,000 ดอลลาร์ เหตุสงครามรัสเซีย-ยูเครน แต่มีแรงกดดันเฟดขึ้นดอกเบี้ย อัพไซด์เริ่มจำกัด แนะรอจังหวะย่อตัวเข้าสะสม ย้ำคุมพอร์ตลงทุนไม่เกิน 10% ช่วยป้องกันความเสี่ยงเงินเฟ้อและตลาดปรับฐาน
นายจิติพล พฤกษาเมธานันท์ นักกลยุทธ์การลงทุน ฝ่ายกลยุทธ์และพัฒนาผลิตภัณฑ์การลงทุน สายพัฒนาธุรกิจ บลจ.ยูโอบี (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า หลังจากที่ปัจจุบันราคาทองคำปรับตัวขึ้นมาทะลุ 2,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ จากเดิมที่ระดับ 1,800 ดอลลาร์ต่อออนนซ์ ถือว่าราคาทองปรับตัวขึ้นสูงมากแล้ว และอัพไซด์ค่อนข้างจำกัด ยกเว้นสงครามจะรุนแรงขึ้นกว่านี้ แต่ดูเหมือนว่าจะมีท่าทีการเจรจากันแม้สถานการณ์จะยืดเยื้อก็ตาม
อย่างไรก็ตามเราได้ประมาณการความผันผวนของกองทุนทองคำเฉลี่ยในปีนี้ราว 10-15% ถือว่า ยังไม่ผันผวนสูงมาก แต่ก็ไม่ควรไล่ซื้อราคาทองขาขึ้น โดยนักลงทุนต้องหาจังหวะทยอยเข้าสะสม เช่นในช่วงราคาทองย่อตัวลงหลุด 1,800 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือเฟดขยับดอกเบี้ยขึ้น และยังต้องคุมสัดส่วนการลงทุนกองทุนทองคำไว้ไม่เกิน 10% ของพอร์ตตามความเสี่ยงที่นักลงทุนรับได้ โดยกองทุนทองคำ ยังถือเป็นสินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยงเงินเฟ้อและความเสี่ยงตลาดปรับฐานได้
นายนาวิน อินทรสมบัติ รองกรรมการผู้จัดการ สายงานจัดการลงทุนต่างประเทศ บลจ. กสิกรไทย เปิดเผยว่า ระยะสั้นคาดราคาทองคำจะซื้อขายอยู่ในกรอบระหว่าง 1,950-2,100 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เนื่องจากความกังวลต่อความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับยูเครนที่ยังคงมีทีท่ายืดเยื้อ และมีความไม่แน่นอนสูงว่าจะจบในลักษณะใด
อย่างไรก็ดี หากเริ่มเห็นสัญญาณในด้านบวกที่ชัดเจนตามที่ได้กล่าวด้านบนก็อาจทำให้เกิดแรงเทขายทำกำไรที่รวดเร็วได้เช่นกัน นอกจากนี้ ในระยะกลาง นโยบายทางการเงินของธนาคารกลางทั่วโลกที่มีความตึงตัวมากขึ้น และนำไปสู่ดอกเบี้ยขาขึ้น จะเป็นปัจจัยกดดันราคาทองคำ
ทั้งนี้ แนะนำผู้ลงทุนถือกองทุน K-GOLD ในสัดส่วน 5-10% ของพอร์ต เพื่อกระจายความเสี่ยง โดยไม่แนะนำให้ถือเป็น Core Port และเก็งกำไรในระยะสั้น