ส่องมาตรการประหยัดพลังงาน "สุพัฒนพงษ์" มั่นใจพลังงานไม่ขาดแคลน
“สุพัฒนพงษ์” ย้ำพร้อมรับมือวิกฤติพลังงานหาก “รัสเซีย-ยูเครน” ยืดเยื้อ ชี้ปริมาณสำรองน้ำมันในประเทศยาวกว่า 2 เดือน ยืนกรานยังคงตรึงดีเซล 30 บาทจนกว่ากองทุนน้ำมันจะอุ้มไม่ไหว แง้ม ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เตรียมรอรับบัตรส่วนลดในการใช้ “แอลพีจี-เบนซิน”
นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า ได้เตรียมพร้อมศูนย์กลางสั่งการด้านพลังงานประจำกระทรวงพลังงานเพื่อใช้เป็นศูนย์ติดตามสถานการณ์ราคาพลังงานโดยเฉพาะการเตรียมการด้านการสำรองพลังงานให้พร้อมรับต่อทุกสถานการณ์
ทั้งนี้ หากสถานการณ์ยังคงตึงเครียดต่อไปอาจทำให้เดือนเม.ย.นี้ ราคาน้ำมันดิบดูไบเกิน 120 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล น้ำมันดีเซล 150 – 170 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล แต่การเจรจาข้อตกลงนิวเคลียร์ของอิหร่าน-สหรัฐฯ อาจนำไปสู่กำลังการผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้นกว่า 1 ล้านบาร์เรล/วัน รวมถึงการปล่อยน้ำมันสำรองของ IEA ก็อาจบรรเทาความตึงตัวของตลาดได้ ส่งผลให้เงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงจะพยุงราคาน้ำมันดีเซลไม่ให้เกิน 30 บาทต่อลิตร ถึงเดือนพ.ค. 2565
ขณะที่สถานการณ์ราคา LPG ตลาดโลกก็ปรับเพิ่มขึ้นทิศทางเดียวกับราคาน้ำมัน เช่นเดียวกันกับราคาก๊าซธรรมชาติก็เพิ่มขึ้นต่อเนื่องเพราะอุปทานจากรัสเซียที่ไม่แน่นอนจากมาตการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ ที่ครอบคลุมทั้งน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ และสหภาพยุโรปก็อยู่ระหว่างพิจารณาลดการพึ่งพานำเข้าก๊าซฯ จากรัสเซีย
ทั้งนี้ กระทรวงฯ จึงจะขยับขึ้นวันที่ 1 เม.ย. 2565 จากถังละ 318 บาท 15 กก. เป็น 333 บาทต่อถัง 15 กก. แต่จะช่วยผ่านกลุ่มผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐจากเดิมได้รับสนับสนุนที่ 45 บาทต่อถัง เวลา 3 เดือน เป็น 100 บาท ในขณะที่ผู้ใช้เบนซินที่ลงทะเบียนกับกรมขนส่งทางบกและเป็นผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ กระทรวงฯ อยู่ระหว่างหางบประมาณช่วยเหลือเช่นกัน
สำรองน้ำมันเชื้อเพลิงกว่า 60 วัน
กรมธุรกิจพลังงาน ได้ประสานงานกับกลุ่มอุตสาหกรรมโรงกลั่นน้ำมันปิโตรเลียมอย่างใกล้ชิด ทุกรายได้แจ้งยืนยันว่ายังคงสามารถจัดหาน้ำมันดิบได้ตามสัญญาซื้อขายล่วงหน้า 2 เดือน สำหรับความต้องการใช้น้ำมันดิบเฉลี่ยอยู่ที่ 123.25 ล้านลิตร/วัน และน้ำมันสำเร็จรูปเฉลี่ยอยู่ที่ 119.88 ล้านลิตร/วัน
ปัจจุบันน้ำมันดิบคงเหลือรวมอยู่ระหว่างการขนส่ง อยู่ที่ 5,686.44 ล้านลิตร ปริมาณน้ำมันสำเร็จรูปคงเหลือ 1,703.61 ล้านลิตร เพียงพอต่อความต้องการใช้น้ำมันของประเทศ 61 วัน อีกทั้ง บมจ.ปตท. ได้เตรียมพร้อมจัดหาน้ำมันดิบเพิ่มเติมอีก 635.94 ล้านลิตร (4 ล้านบาร์เรล) จะช่วยเพิ่มปริมาณน้ำมันสำรองเป็น 66 วัน ทำให้ประเทศมีน้ำมันไม่ขาดแคลน
อีกทั้ง ยังเตรียมประกาศเพิ่มอัตราสำรองน้ำมันเชื้อเพลิงตามกฎหมายน้ำมันดิบเป็น 5% จากปัจจุบัน 4% และน้ำมันสำเร็จรูปเป็น 2% จากปัจจุบัน 1% จะช่วยให้มีปริมาณน้ำมันสำรองเพิ่มขึ้นอีก 7 วัน
รวมพลังคนไทย ลดใช้พลังงานหาร 2
ทั้งนี้ กระทรวงพลังงานได้เปิดแคมเปญ “รวมพลังคนไทย ลดใช้พลังงาน หาร 2” โดยความร่วมมือของทุกหน่วยงานทั้งในสังกัดกระทรวงพลังงาน รวมถึง กฟน. และกฟภ. จัดนิทรรศการเผยแพร่ให้ความรู้เรื่องการประหยัดพลังงานสำหรับประชาชนทั่วไปและข้อแนะนำการประหยัดพลังงานทั้งผู้ประกอบการโรงงานอุตสาหกรรม รวมถึงหน่วยงานภาครัฐ ซึ่งกำหนดให้หน่วยงานเพิ่มความเข้มข้นในการประหยัดพลังงานมากขึ้นจากเดิม 10% เป็น 20%
ทั้งนี้ ยังมีมาตรการเพื่อส่งเสริมการประหยัดพลังงานในระดับธุรกิจ โดยผ่านกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน อาทิโครงการสนับสนุนการลงทุนเพื่อปรับเปลี่ยนปรับปรุงเครื่องจักร อุปกรณ์เพื่อการอนุรักษ์พลังงาน ปี 2564 โดยใช้งบประมาณจากกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานรวม 400 ล้านบาท โครงการเงินสนับสนุนเพื่อลดการใช้พลังงานแก่ผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรม ภาคธุรกิจ และผู้ประกอบการขนส่ง โดยใช้งบประมาณจากกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานรวม 600 ล้านบาท
ปตท.ชูแคมเปญประหยัด-จูนอัพเครื่องยนต์
บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) จัดแคมเปญ "ก๊อดจิชวนใช้พลังงานอย่างคุ้มค่าและประหยัด" สื่อสารรณรงค์ประหยัดพลังงานด้วยสื่อหลายรูปแบบในทุกช่องทาง พร้อมทั้งจัดให้มีการตรวจเช็กสภาพเครื่องยนต์ฟรี โดย บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ โออาร์ เพื่อให้เครื่องยนต์มีความสมบูรณ์ ช่วยลดการใช้เชื้อเพลิง พร้อมด้วยโปรโมชั่นต่างๆ จนถึงสิ้นเดือนเมษายนนี้ ณ FIT Auto สถานีบริการน้ำมัน PTT Station ที่ร่วมรายการทั่วประเทศ
กฟผ.ล้างแอร์ฟรี-มอบส่วนลดเบอร์ 5
ขณะที่ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ชวนคนไทยประหยัดพลังงานผ่าน 2 แคมเปญ คือ แคมเปญ “ล้างแอร์ช่วยชาติ (Clean your air, Clean your life)” มอบ 10,000 สิทธิให้ประชาชนทั่วประเทศล้างแอร์ฟรี สามารถลงทะเบียนรับสิทธิได้ที่เว็บไซต์ www.egat.co.th ตั้งแต่วันที่ 18 เม.ย. 2565 เป็นต้นไป และแคมเปญ “ส่วนลด 500 บาท สำหรับซื้อผลิตภัณฑ์เบอร์ 5” มอบอีก 10,000 สิทธิให้กับประชาชนทั่วประเทศที่ซื้อผลิตภัณฑ์เบอร์ 5 มูลค่า 1,000 บาท ขึ้นไป โดยเริ่มใช้สิทธิได้ที่ห้างสรรพสินค้าและร้านค้า Green Shop ที่เข้าร่วมกิจกรรม ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. – 30 มิ.ย. 65
ทั้งนี้ การล้างแอร์สามารถลดการใช้พลังงานไฟฟ้าได้ถึง 10% ประหยัดพลังงานได้ถึง 1.3 ล้านหน่วย/ปี และทั้ง 2 แคมเปญนี้ยังช่วยลดการปล่อย CO2 รวมประมาณ 804 ตัน/ปี พร้อมทั้งช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจจากการจ้างงานและการซื้อผลิตภัณฑ์เบอร์ 5 รวมมูลค่ากว่า 21 ล้านบาท
“นอกจากการใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 แล้ว ควรตรวจเช็คอุปกรณ์ไฟฟ้าก่อนออกจากบ้าน ปิดสวิตซ์และถอดปลั๊กเครื่องใช้ไฟฟ้าทันทีที่เลิกใช้งาน เปิดเครื่องปรับอากาศที่อุณหภูมิไม่ต่ำกว่า 26 องศา ไม่ใส่ของในตู้เย็นมากเกินไปและลดการเปิดปิดประตูตู้เย็น เป็นต้น”
นายสุพัฒนพงษ์ กล่าวว่า อยู่ระหว่างเตรียมจัดหางบประมาณช่วยเหลือประชาชนที่ใช้ไฟฟ้าระดับไม่เกิน 300 หน่วยต่อเดือน หรือคิดเป็นเงินประมาณ 1,200 บาทต่อเดือน ให้อยู่ในราคาเดิม ณ ราคาต่อหน่วยปัจจุบัน ในขณะที่ผู้ที่ใช้ไฟเกิน 300 หน่วยต่อเดือน จะมีการปรับขึ้นค่าเอฟทีมากกว่า 16 สตางค์ต่อหน่วยแน่นอน