จับจังหวะดันธุรกิจโต สไตล์ ‘ยูนิคอร์น’ ‘บิทคับ - แฟลช เอ็กซ์เพรส’

ปี 2564 เกิดปรากฏการณ์ในวงการสตาร์ทอัพไทย สองบริษัท สตาร์ทอัพ “บิทคับ และ แฟลช เอ็กซ์เพรส” ขึ้นทำเนียบสู่ “ยูนิคอร์น” ที่มีมูลค่าบริษัทเกิน 1,000 ล้านดอลลาร์ วันนี้ไม่มีใครไม่รู้จัก “จิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา” ผู้ก่อตั้งและซีอีโอ บริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด หรือบิทคับ (Bitkub) “ยูนิคอร์น” ตัวแรกของธุรกิจการเงินในประเทศไทย และ “คมสันต์ ลี” ผู้ก่อตั้งและซีอีโอ บริษัท แฟลช เอ็กซ์เพรส ที่พลิกโฉมอุตสาหกรรม "ขนส่ง-โลจิสติกส์” ให้กลายเป็นน่านน้ำสีแดง แต่ยังคงมี “ท้าทาย”

เส้นทางสู่ความสำเร็จ “บิทคับ”

เส้นทางสู่ความสำเร็จของ  “จิรายุส" หรือ ท็อป ผู้กุมบังเหียนบิทคับ ไม่ได้มาได้ง่ายๆ เขาเล่าว่า บิทคับเป็นบริษัทที่ก่อตั้งจากกลุ่มคนที่ยึดมั่นในสิ่งที่ตัวเองเชื่อ และมีความเชื่อคล้ายกัน 

“ความโชคดี” คือ ผมมีพาร์ทเนอร์และทีมงานที่ดี มีความสามารถ ทุกคนพร้อมทำงานด้วยใจ เพื่อให้บริษัทสามารถไปต่อได้ 

พวกเราทำงานกันแบบเป็นทีมเวิร์คและใช้ใจทำงาน แม้ในวันที่ติดขัดหรือมีปัญหาถาโถมเข้ามา ทุกคนก็พร้อมทำเพื่อองค์กรอย่างเต็มที่

ทุกครั้งเมื่อมองย้อนกลับไปยังวันแรกที่ผมเริ่มทำในสิ่งที่ผมเชื่อ แต่แตกต่างจากความเชื่อของคนส่วนใหญ่ในขณะนั้น ไม่ว่าจะเป็นครอบครัว เพื่อน สังคม หรือหน่วยงานต่างๆ ในประเทศ ไม่มีใครเข้าใจเลย ซ้ำตั้งคำถามกับความเชื่อของผม 

แต่สิ่งที่ทำให้ผมผ่านมาได้คือ “ความยืนหยัด อดทน การที่เราได้ทำอะไรด้วย passion อย่างแท้จริง” จะทำให้เราสามารถยืนระยะ และต่อสู้กับอุปสรรคได้ แม้ในวันที่ไม่มีใครเข้าใจเราเลยก็ตาม

“จิรายุส” มองว่าสิ่งที่สำคัญในการเริ่มทำธุรกิจคือ “การยึดมั่นในสิ่งที่ตัวเองเชื่อและทำมันอย่างต่อเนื่อง” และ “สูตรสำเร็จ” ที่สตาร์ทอัพไทยในวันนี้เพื่อไปสู่ความสำเร็จได้จริงนั้น สิ่งหนึ่งที่คนเป็นผู้ประกอบการควรมีคือ “การเริ่มต้นธุรกิจจากความชอบ” และ “เป็นคนส่วนน้อยที่มองเห็นในสิ่งที่คนส่วนใหญ่มองไม่เห็น” จะให้คุณค้นพบโอกาสที่เหมาะสมกับตัวเอง   
 

 “เพราะแต่ละคนมีภูมิหลัง และประสบการณ์ที่ต่างกัน ดังนั้น อย่าไปกลัวที่จะมีความคิดที่แตกต่าง หากความแตกต่างนั้นเป็นไปอย่างสร้างสรรค์ก็จะทำให้ประสบความสำเร็จได้เช่นกัน ไม่จำเป็นต้องเหมือนคนอื่น ในเริ่มแรกให้มองที่คุณค่าของธุรกิจของเราก่อน ว่ามีส่วนช่วยให้ลูกค้า หรือสังคมมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้หรือไม่อย่างไร” 

ต่อมาสิ่งที่สำคัญมากของผู้นำองค์กรคือ "การจับจังหวะทางธุรกิจ" เพราะผู้นำองค์กรจะเป็นคนที่นำพาธุรกิจและชีวิตอีกหลายชีวิตของพนักงานฝ่ากระแสต่างๆ ไปทั้งในวันที่ดีและวันที่ไม่เป็นใจ 

สกิลสำคัญของผู้นำองค์กรคือ “ต้องดูทิศทางลม เทรนด์และแนวโน้มของโลกว่าจะไปในทิศทางไหน” อย่าพยายามทำอะไรที่สวนทางกับสิ่งที่ทั้งโลกกำลังจะไปทางนั้น พยายามเรียนรู้กับสิ่งใหม่ๆ และเปิดใจในทุกๆ วัน ทำทุกอย่างให้เต็มที่ แล้วผลลัพธ์จะออกมาดีในที่สุด

"แฟลช” ขยายอาณาจักรสู่เอเชีย

ขณะที่หนุ่มเหนือ “คมสันต์” ผู้กุมอาณาจักรโลจิสติกส์ที่โดดเด่นที่สุดในประเทศไทยเล่าว่า ก่อนก่อตั้งบริษัท แฟลช เอ็กซ์เพรส มีเจ้าตลาด 2 รายใหญ่คุมอยู่ ต่างมีสาขาครอบคลุมกระจายอยู่ทั่วประเทศ ฐานลูกค้าจำนวนมาก และทำธุรกิจมาเป็นเวลายาวนาน คนอื่นอาจคิดว่าหากเข้ามาแข่งขันในตลาดอาจไม่สามารถทำได้ หรือต้องใช้เงินทุนมหาศาลมาก

“แต่ผมมองเห็นโอกาสจากที่เคยทำธุรกิจ Freight Forwarder หรือการได้มีโอกาสเห็นตลาดขนส่งในต่างประเทศ แล้วนำเอาจุดแข็งเข้ามาเสริมจุดอ่อนในอดีต ที่ตลาดขนส่งในประเทศไทยยังไม่มี ที่สำคัญ ผมมีความเชื่อมั่นว่าผมสามารถทำได้ และอยากเข้ามาปฏิรูปวงการขนส่งของไทยให้ดียิ่งขึ้นกว่าเดิม และในวันนี้ก็สามารถทำได้สำเร็จ ซึ่งตลอดระยะ 3 ปีที่ผ่านมา ต้องฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆ มากมายกว่าจะมีที่ยืนตรงจุดนี้” คมสันต์ เล่า พร้อมบอกตัวเองเสมอว่า อย่าเพิ่งคิดว่าทำไม่ได้ ถ้ายังไม่ได้ลงมือทำ 

“ผมได้ลองทำทุกอย่าง มีทั้งสำเร็จและล้มเหลว แต่ความล้มเหลวไม่เคยทำให้ผมหยุดพัฒนาต่อเนื่อง ความล้มเหลวทำให้ผมเติบโตมากขึ้น ถ้าไม่มีความล้มเหลวเป็นครู ผมคงเดินทางมาไม่ถึงจุดนี้”

อีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญ และเขามักใช้มาตลอดคือ ความอดทนและต่อเนื่อง ความอดทน หมายถึงว่าต้องมีความพยายามมากพอที่จะสามารถลำบากได้ คำว่าลำบากไม่ใช่แค่ความลำบากเชิงร่างกาย แต่เป็นความลำบากของจิตใจด้วย ลำบากในเชิงของความกดดันด้วย ต้องรับมันไหว เพราะมันจะเป็นรากฐานที่ดีที่สุดเพื่อให้เราได้เติบโตต่อไป

สร้างความแตกต่างจากสิ่งที่มีอยู่

คมสันต์ บอกว่า ความสำเร็จของ แฟลช เอ็กซ์เพรส เกิดจากการใช้กลยุทธ์ที่มีความแตกต่างจากผู้ให้บริการแบบดั้งเดิม คือ 1.แฟลชลงทุนจ้างพนักงานเองทั้งหมด ทำให้สามารถควบคุมคุณภาพงานทั้งหมดได้อย่างสมบูรณ์แบบ

2.แฟลชเป็นคนริเริ่มทำบริการรับฟรีถึงที่ ตั้งแต่ชิ้นแรก และให้บริการ 365 วัน แบบไม่มีวันหยุด 3.แฟลชใช้เทคโนโลยีในการทำงาน มีนักพัฒนาชั้นนำระดับโลกกว่า 200 คน ที่สามารถคิดค้นเทคโนโลยีที่ใช้ในอีคอมเมิร์ซให้สอดคล้องกับรูปแบบการใช้ชีวิตของคนไทย จึงทำให้ระบบหลังบ้านล้ำสมัย และเหนือกว่าคู่แข่ง 4.ลงทุนซื้อเครื่องคัดแยกสินค้าที่มีมูลค่าสูงกว่า 900 ล้านบาท ที่คัดแยกสินค้า 100,000 ชิ้น ภายใน 60 นาที และ 5.ทีมงานมืออาชีพที่พร้อมทำงาน 24 ชั่วโมง

“นอกจากกลยุทธ์ทั้ง 5 ข้อแล้ว ในแง่ของการให้บริการที่ทำให้แฟลชสามารถเติบโต และโดดเด่นในอุตสาหกรรมนี้ คือ ค่านิยมที่เรายึดถือร่วมกันและทำมันอยู่เสมอเช่นกัน นั่นคือ 1.ความเชื่อ ที่ผลักดันให้ผมและทีมงานไขว่คว้าโอกาสมาได้ และสำเร็จมาถึงจุดนี้ 2.การมองหาพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจที่ดี ที่ตอบโจทย์ จะช่วยให้เราไปถึงเป้าหมายได้รวดเร็ว 3.ควรใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการทำงาน 4.อาศัยความเป็นทีมเวิร์ค การทำงานคนเดียวไม่สามารถสำเร็จได้ แต่ต้องมีทีมที่ดี 5.ความพึงพอใจของลูกค้าคือสิ่งสำคัญสำหรับเรา"

อีกสิ่งที่ “คมสันต์” ย้ำและให้ความสำคัญคือ ความไว้ใจและจริงใจต่อกัน จะนำไปสู่ความร่วมมือที่ก่อให้เกิดการพัฒนาที่ก้าวกระโดดได้อย่างแท้จริง รวมทั้งนำไปสู่การแลกเปลี่ยนความรู้ ไปจนถึงการพัฒนาทักษะในแง่มุมใหม่ๆ ให้เกิดการต่อยอดทางความคิดและธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะการมีพันธมิตรทางธุรกิจที่ดีก็เหมือนน้ำหล่อเลี้ยงที่จะช่วยส่งเสริมธุรกิจของกันและกันให้เติบโตได้อย่างแข็งแรงและยั่งยืนมากยิ่งขึ้น

"ผมเป็นคนมีไอเดียและคิดตลอดเวลา ที่สำคัญผมพร้อมลงมือทำในสิ่งใหม่ๆ ผมชอบคุยและศึกษานิสัยของคน นำเอาความคิดของพวกเขามาแมทช์กับความคิดของผม ผมเชื่อว่าคนเราสามารถเรียนรู้ในสิ่งใหม่ๆ ได้ตลอดเวลา ผมอาจจะเก่ง และมีความเชี่ยวชาญในเรื่องหนึ่ง แต่กลับกันในบางเรื่องผมอาจจะรู้ไม่เท่าคนที่ผมคุยด้วย เพราะฉะนั้น ผมคิดว่าเคล็ดลับความสำเร็จของผมคงเป็นเรื่องนี้เพราะการที่ได้ไปเจอ รู้จัก พูดคุยกับหลายๆ คน ทำให้ผมเห็นโอกาส และสามารถนำมาใช้ในการทำงาน และผมมีคำนิยามคือ กล้าคิด กล้าลอง กล้าทำ ไม่ว่าสิ่งนั้นผลสรุปจะออกมาเป็นแบบไหน ผมต้องทำมันอย่างเต็มที่และดีที่สุดเสมอ”

 

 

 

พิสูจน์อักษร โดย....สุรีย์  ศิลาวงษ์