“ออริจิ้น อีอีซี”ชูโมเดลสมาร์ทซิตี้รุกหัวเมืองท่องเที่ยว

“ออริจิ้น อีอีซี”ชูโมเดลสมาร์ทซิตี้รุกหัวเมืองท่องเที่ยว

ออริจิ้น ชูโมเดลสมาร์ทซิตี้โซนอีอีซีพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจรในภาคตะวันออกรองรับเมกะโปรเจกต์ตามแหล่งงาน นักลงทุนและเรียลดีมานด์ พร้อมรุกขยายไปยังหัวเมืองท่องเที่ยวที่มีศักยภาพหวังผลักดันวัน ออริจิ้น เข้าตลาดหลักทรัพย์ฯในปีนี้

นายปิติ จารุกำจร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น อีอีซี จำกัด และประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท วัน ออริจิ้น จำกัด ในเครือออริจิ้น กล่าวว่า จากแผนการเติบโตแบบพหุจักรวาล(Origin Multiverse)ที่มุ่งผลักดันให้บริษัทย่อยในเครือออริจิ้นเติบโตด้วยการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย จึงได้มีการปรับโครงสร้างให้บริษัท ออริจิ้น อีอีซี จำกัด ย้ายจากออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ เป็นบริษัทย่อยของวัน ออริจิ้น เพื่อเสริมแกร่งให้วัน ออริจิ้น มีรายได้จากการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์อย่างครบวงจร จากทั้งธุรกิจที่สร้างรายได้ประจำ (Recurring Income Business) อย่างโรงแรม อาคารสำนักงาน คอมมูนิตี้มอลล์ ที่ดำเนินการอยู่แล้ว และมีรายได้จากธุรกิจพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยภายใต้การพัฒนาของ ออริจิ้น อีอีซี

“การผสานพลังกันระหว่างวัน ออริจิ้น และออริจิ้น อีอีซี จะช่วยให้การสร้างเมืองอัจฉริยะ หรือสมาร์ท ซิตี้ ตามหัวเมืองต่างๆ เป็นไปได้ง่ายขึ้น ครบวงจรยิ่งขึ้น โดยออริจิ้น อีอีซี จะมุ่งเน้นการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยตามหัวเมืองใหญ่ต่างๆไม่จำกัดอยู่ในโซนอีอีซีอีกต่อไป ตามวัน ออริจิ้น ซื้อ3 โรงแรมไอบิสภูเก็ต - หัวหิน - กระบี่จากดิ เอราวัณ กรุ๊ปเพื่อเพิ่มโอกาสทางธุรกิจโดยการขยายโครงการไปยังพื้นที่เป็นเมืองท่องเที่ยว ซึ่งจะกลายเป็นอีกหนึ่งกำลังสำคัญที่ช่วยผลักดันให้วัน ออริจิ้น สามารถเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯได้ตามเป้าหมาย” นายปิติ กล่าว

นายปิติ   มองว่า การพัฒนาโครงการแนวสมาร์ทซิตี้ เป็น"จุดแข็ง"ที่สามารถรองรับไลฟ์สไตล์การอยู่อาศัยของผู้คนในยุคนี้รวมถึงกลุ่มนักลงทุน เหมือนกับที่ประสบความสำเร็จจากโครงการออริจิ้น ดิสทริค แหลมฉบัง-ศรีราชาและโครงการออริจิ้น สมาร์ท ซิตี้ ระยอง บนพื้นที่กว่า 24 ไร่ บริเวณแยกเนินสำลี จ.ระยอง

ทั้งนี้แนวทางการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยในปีนี้ จะยังคงมุ่งเน้นการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยในแถบเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก  หรือ อีอีซี  ตอกย้ำความแข็งแกร่งของบริษัทในฐานะผู้นำที่อยู่อาศัยครบวงจรในภาคตะวันออก อีกทั้งปัจจุบันมีโครงการขนาดใหญ่หรือเมกะโปรเจกต์ในพื้นที่อีอีซีมีความคืบหน้าอย่างต่อเนื่อง

โดยเฟสที่ 2 ของการพัฒนาอีอีซี ระหว่างปี 2565-2569 คณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (บอร์ดอีอีซี) ยังคงเดินหน้าพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ทั้งท่าเรือมาบตาพุด ระยะที่ 3 ท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 โครงการขนส่งทางราง และคาดการณ์ว่าจะสามารถดึงดูดเม็ดเงินลงทุนเข้าสู่พื้นที่ได้มากกว่า 2.2 ล้านล้านบาท จึงเชื่อมั่นว่า การเติบโตของโครงสร้างพื้นฐานและการลงทุนในธุรกิจและอุตสาหกรรมต่างๆ จะผลักดันความต้องการที่อยู่อาศัยภายในพื้นที่ให้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญด้วย
 

ปิติ ยังกล่าวอีกว่า แผนการดำเนินธุรกิจของออริจิ้นอีอีซี ในปีนี้ ตั้งเป้าจะเปิดตัวคอนโดมิเนียมโครงการใหม่ทั้งสิ้น 5 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 5,000 ล้านบาท ประกอบด้วย 1.บริกซ์ตัน แคมปัส บางแสนมูลค่า 460 ล้านบาท 2.บริกซ์ตัน ระยอง มูลค่า 810 ล้านบาท 3.ไนท์บริดจ์ สเปซ ระยองมูลค่า1,600 ล้านบาท  4.บรอมพ์ตัน ระยอง ซึ่งแบรนด์ใหม่ของเครือ มูลค่า650 ล้านบาท และ 5.แฮมป์ตัน เอ็กเซ็กคูทีฟ ศรีราชามูลค่า 1,200 ล้านบาท

โดยทั้ง 5 โครงการมีการกระจายตัวเจาะหลากหลายกลุ่มเป้าหมาย ทั้งกลุ่มนักศึกษามหาวิทยาลัย กลุ่มคนทำงานในพื้นที่อีอีซี ไปจนถึงกลุ่มคนที่เพิ่งเริ่มต้นวางแผนลงทุน และถือเป็นครั้งแรกที่บริษัทจะนำห้องดูโอ สเปซ รูปแบบใหม่มาเปิดขายที่ระยอง

“ปีนี้เราเริ่มต้นเปิดตัวโครงการแรกด้วยบริกซ์ตัน แคมปัส บางแสนคอนโดใกล้มหาวิทยาลัยบูรพา ซึ่งได้รับกระแสตอบรับเป็นอย่างดี และสร้างปรากฏการณ์ขาดหมดไปได้อย่างรวดเร็ว เนื่องจากเรานำคนรุ่นใหม่ และคนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่อีอีซี เข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาโครงการ ตั้งแต่การออกแบบ ไปจนถึงการขาย ทำให้เข้าใจ Customer Insight และความต้องการของคนในพื้นที่อย่างแท้จริง” นายปิติ กล่าว

สำหรับโครงการถัดไปที่จะเปิดตัว คือโครงการบริกซ์ตัน ระยอง ซึ่งจะสร้างปรากฏการณ์ใหม่ ด้วยคอนเซ็ปต์ "คอนโดพลัสเซอร์วิส" ผสมผสานห้องแบบคอนโดเข้ากับบริการระดับโรงแรม บริหารจัดการโดย แฮมป์ตัน โฮเทล แอนด์ เรสซิเดนซ์ แมเนจเม้นท์  หรือHHRโดยมีหลากหลายบริการตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้อยู่อาศัย โดยจะเปิดให้ชมห้องตัวอย่างในวันที่ 2 เม.ย.นี้ พร้อมหลากโปรโมชั่นพิเศษ อาทิ ส่วนลดสูงสุด 100,000 บาท
     
ปัจจุบันออริจิ้นมีพื้นที่อยู่มีในโซนอีอีซีอยู่ประมาณ2,000 ล้านที่รอการพัฒนาโครงการ ต่อจากนี้เพื่อรองรับแรงงาน การลงทุนของนักลงทุนทั้งในประทศและต่างประเทศที่เข้ามาลงทุนเริ่มต้นธุรกิจใหม่ ที่เป็นนิวเคิร์ฟใน “เขตส่งเสริมอุตสาหกรรมและนวัตกรรมดิจิทัลประเทศไทย” หรือ EECd หรือ Digital Park Thailand คาดว่าจะทำให้มีแรงงานเข้ามาในระยะแรก2-4ล้านคนและขยับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง