CPANEL เชื่อมั่นธุรกิจพรีคาสท์โตดีกว่าอสังหาฯ ลุ้นรายได้ปี 65 ทะลุ 25%

CPANEL เชื่อมั่นธุรกิจพรีคาสท์โตดีกว่าอสังหาฯ ลุ้นรายได้ปี 65 ทะลุ 25%

ผนังคอนกรีตสำเร็จรูป (Precast Concrete) หรือ “พรีคาสท์” แม้จะไม่ใช่นวัตกรรมการก่อสร้างใหม่ในต่างประเทศ แต่ยังถือเป็นของใหม่ในประเทศไทย โดยมีจุดเด่นช่วยร่นระยะเวลาการก่อสร้าง ทนทานแข็งแรง รวมถึงระหว่างกระบวนการมีความยั่งยืน และเป็นมิตรต่อโลกมากกว่าคอนกรีตแบบเดิม

สำหรับผู้ประกอบธุรกิจในประเทศ “ชาคริต ทีปกรสุขเกษม” กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีแพนเนล จำกัด (มหาชน) หรือ CPANEL ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์พรีคาสท์ด้วยระบบอัตโนมัติ (Fully Automated Precast) ที่ใช้สำหรับงานก่อสร้างโครงการอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยว่า บริษัทยังมีมุมมองเชิงบวกต่อภาพธุรกิจในปี 2565 แม้จะยังมีความเสี่ยงจากสถานการณ์โควิด-19 ภายในประเทศ แต่เชื่อว่ารัฐบาลจะไม่กลับไปใช้นโยบายล็อกดาวน์เหมือนปีก่อน

นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยบวกจากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ ได้แก่ การปลดล็อกมาตรการกำหนดอัตราส่วนสินเชื่อต่อราคาบ้าน (มาตรการ LTV) และสิทธิประโยชน์ทางภาษี รวมถึงการบริโภคภายในประเทศที่เริ่มฟื้นตัว ส่งผลให้บริษัท เชื่อว่าเทรนด์ปีนี้จะเป็นปีที่ดีของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจก่อสร้าง ซึ่งจะส่งผลบวกต่อเนื่องมายัง CPANEL

อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยเสี่ยงที่ต้องติดตามจากภาวะเงินเฟ้อที่ปรับขึ้นสูง แม้บริษัทจะสามารถส่งผ่านต้นทุนไปยังราคาขายได้ ซึ่งในระยะสั้นลูกค้ายังมีกำลังซื้อคอนกรีตสำเร็จรูปที่ถูกปรับราคาขึ้นบ้าง แต่ประเมินว่าในระยะยาวความสามารถในการซื้ออาจปรับตัวลดลง

จากปัจจัยเสี่ยงที่ยังกดดันส่งผลให้ CPANEL คงเป้าหมายการเติบโตของรายได้ปีนี้ที่ 25% จากปีก่อนที่มีรายได้รวม 312.44 ล้านบาท ซึ่งเป็นการประเมินภาพธุรกิจในระดับ B ถึง B+ เท่านั้น หากปัจจัยเสี่ยงสามารถคลี่คลายลง เชื่อว่ารายได้รวมปี 2565 จะมีโอกาสเติบโตมากกว่าที่ประเมินเอาไว้ โดยปัจจุบันบริษัทมียอดขายรอรับรู้รายได้ราว 1,280 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้ในช่วง 3 ปีนี้ (2565-2567)

เมื่อสอบถามถึงโครงการลงทุนใหม่เพื่อสนับสนุนการเติบโตในระยะต่อจากนี้ “ชาคริต” ระบุว่า สำหรับปี 2565 บริษัท ตั้งงบลงทุนราว 30-40 ล้านบาท เพื่อใช้ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ โดยหลักเป็นการลงทุนทั้งในซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์เพื่อลดการพึ่งพากำลังคน นอกจากนี้ บริษัทยังวางงบลงทุนราว 100-150 ล้านบาทเพื่อใช้ในการก่อสร้างโรงงานแห่งที่ 2 โดยคาดว่าจะเริ่มดำเนินการผลิตได้อย่างเร็วในช่วงปลายปี 2566 หรืออย่างช้าในช่วงต้นปี 2567

ทั้งนี้ แหล่งเงินทุนของบริษัท ในปัจจุบันมาจากการเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (หุ้น IPO) และเงินทุนจากสถาบันการเงิน นอกจากนี้ บริษัทมีแผนเสนอผู้ถือหุ้นเพื่อพิจารณาอนุมัติการออกใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัท ครั้งที่ 1 (CPANEL-W1) และใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัท ซึ่งจัดสรรให้แก่พนักงาน (ESOP-Warrant) ในการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2565 ในวันที่ 21 เม.ย.นี้

มองไปข้างหน้าในอีก 3-5 ปี เชื่อว่าธุรกิจ Precast จะยังเติบโตได้อีกมาก และเชื่อว่าจะเติบโตได้มากกว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์ในอนาคต จากปัจจุบันที่ธุรกิจนี้ยังมีมูลค่าตลาดเพียง 3-5% ของมูลค่าตลาดอสังหาริมทรัพย์ทั้งหมดเท่านั้น ประกอบกับบริษัท สามารถบริหารจัดการต้นทุนได้ดี และมีราคาขายที่สามารถแข่งขันได้ ซึ่งปัจจัยเหล่านี้จะเป็นแรงหนุนต่อธุรกิจในอนาคต

ปัจจุบัน CPANEL มีฐานลูกค้าอยู่ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลเป็นหลัก ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มผู้พัฒนาที่อยู่อาศัย ได้แก่ บ้าน คอนโดมิเนียม อพาร์ตเมนต์ และโรงแรม แต่ในปี 2565 บริษัทมีแผนขยายฐานลูกค้าในพื้นที่ต่างจังหวัดมากขึ้นเพื่อกระจายความเสี่ยง โดยหลักจะขยายไปยังพื้นที่โครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ซึ่งได้อานิสงส์จากนโยบายสนับสนุนการลงทุนของภาครัฐ

 

 

พิสูจน์อักษร โดย....สุรีย์  ศิลาวงษ์