สศค.ชี้สงครามกระทบภาพรวมเศรษฐกิจโลก

สศค.ชี้สงครามกระทบภาพรวมเศรษฐกิจโลก

สศค.ประเมินภาพรวมเศรษฐกิจโลกได้รับผลกระทบจากสงคราม​ สะท้อนจากประเทศขนาดใหญ่​มีการส่งออกลดลงและเงินเฟ้อปรับเพิ่มขึ้น​ อาทิ​ สหรัฐ​ ยุโรป​ และจีน​

นายพิสิทธิ์​ พัวพันธ์​ ผู้อำนวยการสำนักนโยบายเศรษฐกิจมหภาค​ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.)​ประเมินภาวะเศรษฐกิจโลกว่า​ ขณะนี้​ เศรษฐกิจโลกได้รับผลกระทบอยู่บ้างจากสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน ซึ่งมีการคว่ำบาตรรัสเซียของชาติตะวันตก และสงคราม​ ส่งผลให้ราคาน้ำมันและสินค้าโภคภัณฑ์พุ่งสูงขึ้น กระทบต่อต้นทุนการผลิตและการขนส่งของภาคอุตสาหกรรม รวมถึงค่าครองชีพของผู้บริโภคและอัตราเงินเฟ้อสูงขึ้นทั่วโลก

ทั้งนี้ จะเห็นได้ว่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ส่งผลให้สหรัฐอเมริกามีมูลค่าการส่งออกสินค้าที่ลดลงอยู่ที่ 15.5% ในเดือนมกราคม 2565 จากเดือนธันวาคม 2564 อยู่ที่ 20.6% นอกจากนี้ เมื่อเปรียบเทียบข้อมูลในเดือนกุมภาพันธ์ 2565 กับเดือนธันวาคม 2564 พบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคลดลงเหลือ 110.5 จาก 115.2 และอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเพิ่มขึ้นเป็น 7.9% จากเดิม 7.0%

สำหรับยูโรโซน อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเพิ่มขึ้นเป็น 5.8% จากเดิม 4.7% ส่วนจีนมีมูลค่าการส่งออกสินค้าลดลงอยู่ที่ 6.1% จาก 20.8% 

ทางด้านมาตรการรับมือ นอกจากการแก้ปัญหาระยะสั้นที่หลายๆ ประเทศได้ออกมาตรการลดภาระค่าครองชีพต่างๆ อาทิ การอุดหนุนหรือควบคุมราคาพลังงานไม่ให้สูงเกินไป และปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพื่อรักษาระดับเงินเฟ้อในประเทศแล้ว สิ่งที่สำคัญ​ คือ ประเทศต้องใช้นโยบายการคลังและนโยบายการเงินที่เหมาะสม ดูแลความเหมาะสมด้านราคา และมีการกระตุ้นเศรษฐกิจควบคู่กันไป ต้องมีการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน ที่จะเอื้อต่อการประหยัดพลังงาน เช่น การสร้างระบบรถไฟฟ้าขนส่ง การพัฒนา energy grid เชื่อมโยงพลังงานระหว่างประเทศต่างๆ การส่งเสริมการใช้รถไฟฟ้า การพัฒนาพลังงานชีวมวลเพื่อเป็นพลังงานทดแทนของประเทศอย่างยั่งยืน เป็นต้น