คงมุมมองระมัดระวัง แนะเก็งกำไรตามแนวรับ
แผนปรับลดขนาดงบดุลและการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดในการประชุมเดือนพฤษภาคมเป็นปัจจัยกดดันอัพไซด์ราคาหุ้นในระยะสั้น-กลาง แต่จะช่วยให้เรามองเห็นโอกาสในการลงทุนรายตัวมากขึ้น ภายใต้สภาพคล่องที่ลดลงและการขึ้นอัตราดอกเบี้ย
หุ้นที่ถูกซื้อขายด้วยระดับ P/E ที่สูงเกินกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลังมากจะเป็นกลุ่มที่ได้รับแรงกดดันสูงกว่าหุ้นกลุ่มที่ซื้อขายบนอัตราส่วน P/E ที่ต่ำกว่า หรือราคามีความสมเหตุสมผลมากกว่าเมื่อเทียบกับกำไร เนื่องจาก QE เป็นปัจจัยหลักที่ผลักดันให้ "ราคา" หรือ "P" สูงขึ้นในช่วงผ่อนคลายนโยบายการเงิน ดังนั้น "P" จึงมีแนวโน้มลดลงหาก QE ถูกทยอยถอนออก สะท้อนผ่านราคาหุ้นกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ที่ลงแรงกว่าหุ้นในกลุ่มธนาคาร ค้าปลีก นิคมฯ อสังหาฯ รวมถึงท่องเที่ยว ที่ถูกซื้อขายบน valuation ที่ถูกกว่า ขณะที่ภาพการลงทุนในเดือน เม.ย. เราแนะระวัง 1) การปรับ GDP โลก จากรายงาน World Economic Outlook ของ IMF ฉบับเม.ย. ที่น่าจะใกล้ออก 2) การปรับประมาณการกำไรของหุ้นรายตัวที่อาจได้รับผลกระทบจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ 3) เงินบาทที่อ่อนค่า อาจทำให้เงินทุนไหลเข้าชะลอ
ยังคงมุมมองอัพไซต์ไตรมาส 2/65 จำกัด ภาพรวมกลยุทธ์ คือ การเก็งกำไรระหว่างรอจุดซื้อที่ดี เน้นหุ้นได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจภายในและการเปิดประเทศ เราประเมินความผันผวนและกรอบการเคลื่อนไหวของ SET Index ในระดับ 2 เท่าของ PE multiple หรือคิดเป็นกรอบการเคลื่อนไหวที่ 1,540-1,730 จุด อาทิ ธนาคาร ค้าปลีก สื่อสาร ขณะที่หุ้นโภคภัณฑ์ เก็งกำไรได้เฉพาะหุ้นที่ผลประกอบการยังไม่ผ่านจุดสูงสุด (เหลือเพียง IVL และ TOP) โดยหุ้นเด่นที่เรามองซื้อ/ทยอยสะสมในช่วงไตรมาส 2/65 ได้แก่ BBL, TIDLOR, CPN, CENTEL, BJC, OSP, TRUE, ONEE, IVL, TOP / ขณะที่หุ้นที่ไม่ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของเรา แต่มองว่าน่าสนใจ ได้แก่ MAKRO, MAJOR, TKN, SPA
ประเด็นเก็งกำไรอื่น 1) กลุ่มพลังงาน PTTEP, BANPU, TOP (เน้นโรงกลั่น) 2) กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ เป็นกลุ่มที่มักจะเคลื่อนไหวได้ดีในภาวะเงินเฟ้อ อีกทั้ง valuation ต่ำ และปันผลสูง ทำให้มีโอกาสเห็นการฟื้นตัวของ LH, SPALI, AP, SC, ASW 3) ) ขณะที่หุ้นกลาง-เล็กที่สามารถเลือกเก็งกำไร (แบบกำหนดจุดตัดขาดทุน) ในช่วงนี้ ได้แก่ PJW, TTCL, THREL, BLA, IND, MAJOR, WORK, TH, ERW, MINT, CENTEL ,SHR, AAV, SCN, SCI เป็นต้น
ภาพรวมกลยุทธ์: ยังคงมุมมองระมัดระวังสำหรับไตรมาส 2/65 ที่อัพไซต์อาจจะจำกัดจากการดำเนินนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ และการปรับประมาณการเศรษฐกิจรวมถึงกำไรบจ. ทำให้ภาพรวมจะเป็นการเลือกเก็งกำไรตามแนวรับ ระหว่างรอตลาดและหุ้นรายตัวปรับลงจนถึงจุดซื้อที่ดี //หุ้นแนะนำ: KCE*, SVI*, OR*, IND*
แนวรับ: 1,685-1,692 / แนวต้าน : 1,705-1,720 จุด สัดส่วน : เงินสด 50% : พอร์ตหุ้น 50%
ประเด็นการลงทุน
ECB เผยวิกฤตรัสเซีย-ยูเครนเป็นตัวแปรในการตัดสินใจปรับขึ้นดอกเบี้ย – ธนาคารกลางยุโรป (ECB) เปิดเผยรายงานการประชุมประจำเดือนมี.ค. โดยระบุว่า สงครามระหว่างรัสเซียและยูเครนส่งผลให้สถานการณ์ทางเศรษฐกิจเผชิญกับความไม่แน่นอน และเป็นสาเหตุที่ทำให้ ECB มีความระมัดระวังเรื่องการตัดสินใจที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
สหรัฐเผยตัวเลขผู้ขอสวัสดิการว่างงานต่ำสุดรอบกว่า 53 ปี – กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 5,000 ราย สู่ระดับ 166,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย.2511 และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 200,000 ราย
คำขอรับการส่งเสริมการลงทุนไตรมาส 1/65 โต 1% yoy – คำขอรับการส่งเสริมการลงทุนไตรมาสแรกของปี 65 มีจำนวนโครงการรวม 378 โครงการ เพิ่มขึ้น 1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน มีมูลค่ารวม 110,733 ล้านบาท ลดลง 6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) มีโครงการยื่นขอรับการส่งเสริมการลงทุนมูลค่ารวม 77,290 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 29% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันกับปีก่อน
SPRC – บริษัทเผยรับรู้ค่าใช้จ่ายและประมาณการหนี้สินที่อาจเกิดขึ้นที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์น้ำมันรั่วไหลที่ทุ่นผูกเรือน้ำลึกแบบทุ่นเดี่ยวกลางทะเล (SPM) เป็นจำนวนเงินประมาณ 42 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในงวดผลการดำเนินงานไตรมาส 1/65
ประเด็นติดตาม: 12 เม.ย. – OPEC Monthly Report, US CPI index เดือน มี.ค. / 14 เม.ย. – US Retail Sales เดือน มี.ค.
(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)