67 ปี อคส.เดินหน้าฟื้นองค์กรสู่ความเข้มแข็ง

67 ปี อคส.เดินหน้าฟื้นองค์กรสู่ความเข้มแข็ง

“จุรินทร์” นำ อคส.ปฏิญาณ "Zero Corruption" ลุยภาคปฏิบัติจริง ในวันครบรอบ 67 ปี ด้านผอ.อคส. เดินหน้าปิดบัญชีจำนำข้าว พร้อมเอาผิดทุจริตถุงมือยาง พร้อมปลุกองค์กรพ้นขาดทุน ปั้นคลังราษฏร์บูรณะเป็นห้องเย็นใหญ่ที่สุดในกทม.มั่นใจสร้างรายได้ให้อคส.ไม่ต่ำกว่า 400 ล้านบาท

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์   รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานในพิธีงานวันคล้ายวันสถาปนาองค์การคลังสินค้า (อคส.)ครบรอบ 67 ปีพร้อมด้วยนายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ นางมัลลิกา บุญมีตระกูล มหาสุข ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ โดยมีนายเกรียงศักดิ์ ประทีปวิศรุต ผู้อำนวยการองค์การคลังสินค้า(อคส.) นายวิชัย โภชนกิจ ประธานคณะกรมการองค์การคลังสินค้าคนใหม่ นายเกรียงศักดิ์ ประทีปวิศรุต ผู้อำนวยการองค์การคลังสินค้า(อคส.) นายวิชัย โภชนกิจ ประธานคณะกรมการองค์การคลังสินค้าคนใหม่ พร้อมคณะกรรมการชุดใหม่  

นายจุรินทร์ กล่าวว่า  องค์การคลังสินค้าก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 2498 มาถึงวันนี้ครบ 67 ปีเต็ม กำลังก้าวเข้าสู่ปีที่ 68 มีบทบาทสำคัญทั้งทางด้านการผลิต การตลาดและการบริหารจัดการภาคการเกษตร โดยเฉพาะการสนองนโยบาย “ตลาดนำการผลิต”ซึ่งถือว่าเป็นการเดินหน้าการเกษตรยุคใหม่ที่มีเป้าหมายเป็นรูปธรรมชัดเจนอย่างยิ่ง ภายใต้วิสัยทัศน์ “เกษตรผลิต พาณิชย์ตลาด” และองค์การคลังสินค้ายุคใหม่ สิ่งที่จะต้องเดินหน้าคือ นำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาใช้บริหารจัดการที่เป็นรูปธรรมให้เกิดความชัดเจนมากยิ่งขึ้น เพื่อให้มีศักยภาพในการเข้าไปดูแลเศรษฐกิจฐานรากโดยเฉพาะเกษตรกรและผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องทั้งหมดให้เกิดผลเป็นรูปธรรม  วันนี้เราได้คณะกรรมการบริหารชุดใหม่ 7 คนจะเข้ามาทำหน้าที่และมอบนโยบายหรือดำเนินการด้านนโยบายให้กับ ผอ. อคส.และพนักงานเจ้าหน้าที่ทุกคนมีหน้าที่ปฏิบัติให้เป็นไปตามนโยบายของบอร์ด  ซึ่งอคส.ได้ประกาศเจตนารมณ์ Zero Corruption แล้ว

“ ขอให้ลงลึกถึงภาคปฏิบัติจริง เพราะไม่โกงใครก็พูดได้ แต่เมื่อไหร่ที่มีโอกาสแล้วไม่โกงจึงจะพิสูจน์ความเป็นคนซื่อสัตย์สุจริตที่แท้จริง คือสิ่งที่จะต้องพิสูจน์ตนเองต่อไป ” นายจุรินทร์ กล่าว

67 ปี อคส.เดินหน้าฟื้นองค์กรสู่ความเข้มแข็ง

นายเกรียงศักดิ์ ประทีบวิศรุต ผอ.อคส. กล่าวว่า ที่ผ่านมานโยบายรัฐโดยเฉพาะโครงการรับจำนำข้าวส่งผลให้อคส.ไม่สามารถเดินหน้าได้ตามศักยภาพขององค์กร ปัจจุบันอคส.มีภาระค่าใช้จ่ายมากจากโครงการดังกล่าวที่ไม่สามารถเบิกงบประมาณได้ ทั้งการสะสางงานโครงการรับจำนำข้าวตั้งแต่ปี 2544 จนถึงปัจจุบัน ที่ยังปิดบัญชีโครงการไม่แล้วเสร็จกว่า 34 โครงการ และยังมีค่าใช้จ่ายด้านพนักงานกว่า  100 ล้านบาทต่อปี

 

ส่วนความคืบหน้าการทุจริตถึงมือยาง 500 ล้านกล่อง มูลค่า 112,500 ล้านบาท นั้นในส่วนของการดำเนินการเอาผิดทางวินัยต่อตำแหน่งและหน้าที่ราชการ ได้ดำเนินการเสร็จแล้ว พร้อมกับส่งสำนวนไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินคดีทั้งอาญาและทางแพ่งแล้วเช่นนั้น โดยในส่วนของการรับผิดทางละเมิด ได้ส่งเรื่องไปยังกระทรวงการคลังซึ่งมีคณะกรรมการขึ้นมาพิจารณาตามสิ่งที่อคส.เสนอไป  ส่วนคดีทางอาญานั้นได้มีการส่งสำนวนการสอบสวนไปยังคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)เพื่อให้ชี้มูลความผิด หวังว่าป.ป.ช.จะชี้มูลความผิดในเร็วๆนี้  ขณะที่คดีแพ่งและคดีอาญาฟอกเงิน นั้นก็ได้ส่งให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ป.ป.ง.)ดำเนินการแล้วเช่นกัน ยืนยันว่า อคส.ได้ทำเต็มที่แล้วเพื่อดำเนินคดีกับผู้ที่ทุจริตพร้อมทั้งเร่งติดตามเงินที่หายไปจากการทุจริต และจะดำเนินคดีตามกฎมายให้ถึงที่สุดไม่มีการยกเว้น

นายเกรียงศักดิ์ กล่าวว่า สำหรับการหารายได้และฟื้นฟูกิจการของอคส.ภายใต้นโยบาย”ซ่อม สร้าง เพิ่ม สะสาง” นั้น ขณะนี้อคส.ได้ดำเนินการสร้างเกษตรแปรรูปเพื่อเพิ่มมูลค่า  เช่น ชาวนาปลูกข้าวขายแป้ง ชาวสวนปลูกมะพร้าวขายกะทิ  โดยอสค.ได้จัดสร้างคลังข้าวที่จ.ลพบุรี ซึ่งจะมีทั้งโรงอบ โรงสี และโรงโม่แป้ง พร้อมสร้างการตลาดรองรับซึ่งปัจจุบันมีแล้วกว่า 2,000 ตัน เมื่อสร้างเสร็จจะมีคำสั่งซื้อรองรับไม่ต่ำกว่า 50,000 ตัน รองรับปริมาณข้าวพื้นแข็งในจ.ลพบุรี และใกล้เคียงได้มากกว่า 150,000 ตันข้าวเปลือก เป็นต้น ส่วนคลังราษฏร์บูรณะ จะทำเป็นคลังห้องเย็นที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในกทม. รองรับสินค้ามากกว่า 50,000 ตัน สามารถสร้างรายได้อคส.ไม่ต่ำกว่า 400 ล้านบาท มั่นจะทำให้อคส.หลุดพ้นจากการขาดทุนซ้ำซากได้อย่างถาวร