ผู้บริโภคเตรียมรับมือ”ของแพง”หลังสงกรานต์
“เผือกร้อน” กรมการค้าภายใน ปมราคาสินค้า หลังผู้ประกอบการแห่ขอปรับราคาสินค้า จากราคาน้ำมันพุ่ง กระทบต้นทุนการผลิตส่วนผู้บริโภคเตรียมใจ”ของแพง”
สถานการณ์ ราคาน้ำมันโลก ที่ปรับสูงขึ้นเกินกว่า 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล จากความขัดแย้งระหว่าง รัสเซียและยูเครน เป็นวิกฤตซ้ำเติมปัญหาราคาสินค้าของไทยให้แพงขึ้นไปอีกเพราะน้ำมันส่งผลให้ต้นทุนการผลิตสินค้าปรับตัวสูงขึ้น ผู้ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคจ่อปรับราคาสินค้าขายปลีกหลายรายการในเดือนเม.ย.นี้เนื่องจากได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมัน และ สินค้าประเภทอาหาร ได้แก่ เนื้อสัตว์ ไม่ว่าจะเป็นหมู ไก่สด ไข่ไก่ ผักสดบางชนิด เครื่องประกอบอาหาร และอาหารปรุงสำเร็จ ปรับสูงขึ้นตามต้นทุนการผลิตและวัตถุดิบ
ล่าสุด ราคาก๊าซหุงต้ม ก็ปรับขึ้นมีผลบังคับ 1 เม.ย.ที่ผ่านมา ทำให้เกิดความกังวลว่าอาหารสำเร็จรูปหรืออาหารปรุงสุกจะขึ้นราคตามไปด้วย เพราะราคาสินค้าที่สูงขึ้นย่อมส่งผลกระทบต่อค่าครองชีพของประชาชน ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์เงินเดือน หรือ พ่อค้า แม่ค้า ทำให้ค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นขณะที่รายได้เท่าเดิมหรืออาจลดลง
กระทรวงพาณิชย์ที่เป็นหน่วยงานรับผิดชอบดูแลราคาสินค้า จะเสียง”แข็ง”ไม่ยอมให้ปรับราคาสินค้า
โดยมีการขอความร่วมมือผู้ประกอบการตรึงราคาสินค้าใน 18 หมวด ประกอบด้วย
- บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป
- หมวดอาหารสด
- อาหารกระป๋อง
- ข้าวสารถุง
- ซอสปรุงรส
- น้ำมันพืช
- น้ำอัดลม
- นมและผลิตภัณฑ์จากนม
- เครื่องใช้ไฟฟ้า
- ผลิตภัณฑ์ซักล้าง
- ปุ๋ย
- ยาฆ่าแมลง
- อาหารสัตว์
- เหล็ก
- ปูนซีเมนต์
- กระดาษ
- ยา เวชภัณฑ์และบริการทางการแพทย์
- บริการผ่านห้าง ค้าปลีก-ส่ง
อย่างไรก็ตามกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ก็ออกมายอมรับว่า ผู้ประกอบการหลายรายขอปรับราคาสินค้าต่อกรม แต่ขณะนี้กรมฯ ก็ขอความร่วมมือให้ช่วยตรึงราคาต่อไปก่อน ปัจจุบันไม่มีการอนุญาตให้ปรับขึ้นราคาแม้แต่รายเดียว ซึ่งทางกรมกรมฯ ก็ติดตามสถานการณ์ราคาสินค้าทุกวัน โดยมีการส่งเจ้าหน้าที่ออกไปสำรวจสถานการณ์ราคาสินค้าทั้ง กทม. และต่างจังหวัด
ยิ่งใกล้ช่วงเทศกาลสงกรานต์หรือปีใหม่ไทย ซึ่งเป็นช่วงที่ประชาชนจะมีการจับจ่ายใช้สอยเพิ่มขึ้น 5-10 % จากช่วงปกติ ก็ยิ่งเกิดความกังวลว่า สินค้าที่จำเป็นสำหรับการครองชีพจะปรับตัวขึ้นไปอีก ทำให้กรมการค้าภายในเชิญผู้ประกอบการห้างสรรพสินค้า ห้างค้าปลีกและค้าส่ง และร้านสะดวกซื้อมาหารือมาร่วมประชุมเพื่อขอความร่วมมือห้ามปรับขึ้นราคาสินค้า และให้เพิ่มสต็อกสินค้าให้เพียงพอกับความต้องการของประชาชนที่เพิ่มขึ้นในช่วงเทศกาล คาดว่าหลังสงกรานต์ จะมีสินค้าหลายรายการปรับขึ้น โดยเฉพาะสินค้าที่จำเป็นต่อการครองชีพของประชาชน
ไม่เฉพาะแค่ราคาสินค้าอุปโภคบริโภคทนแบกภาระต้นทุนไม่ไหว ผู้ประกอบการที่ใช้วัตถุดิบสำหรับผลิตอาหารสัตว์ไม่ว่าจะเป็นข้าวโพด ข้าวสาลี ต่างก็ร้องขอต่อกรมการค้าภายในขอปรับราคาอาหารสัตว์ เนื่องจากราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์ในตลาดโลกพุ่งขึ้น โดยเฉพาะราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์ที่ได้รับผลกระทบจากสงครามรัสเซียและยูเครน เพราะเป็นผู้ผลิตข้าวสาลีรายใหญ่ของโลก ทำให้ต้นทุนนำเข้าข้าวสาลีสูงขึ้นมาก จึงมีแนวคิดที่จะยกเว้นมาตรการ 3:1 คือ การนำเข้าข้าวสาลี 1 ส่วน ต้องซื้อข้าวโพดในประเทศ 3 ส่วน
ปัจจุบันแนวทางการแก้ไขปัญหา ก็ยังไม่มีข้อสรุป เนื่องจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสียยังคุยกันไม่จบ ล่าสุดในการประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ (นบขพ.) ครั้งที่ 1/2565 เพื่อแก้ไขปัญหาและบริหารจัดการวัตถุดิบอาหารสัตว์ เมื่อวันที่ 7 เม.ย.ที่ผ่านก็ไร้ข้อสรุปว่าจะดำเนินการอย่างไร ทำให้ต้องมีการนัดประชุมทุกสมาคมที่มีส่วนเกี่ยวข้อง เพื่อหาข้อสรุปได้ในวันที่ 11 เม.ย.นี้ ก่อนจะเสนอให้ นบขพ.เคาะอีกครั้ง
นอกจากนี้ “ปุ๋ย” ที่เป็นวัตถุดิบในการผลิตสินค้าเกษตร ก็มีราคาพุ่งสูงขึ้นตามราคาตลาดโลก ก็ยื่นขอปรับราคาต่อกรมการค้าภายในแล้ว ล่าสุดมี มีผู้ประกอบการ 2 รายยื่นขอปรับราคา แต่ยังไม่ได้มีการอนุมัติให้ปรับราคา อยู่ระหว่างการพิจารณาต้นทุน
การแก้ปัญหาสินค้าราคาแพงในประเทศถือเป็นปัญหาที่”แก้ยาก”เพราะกระทบไปทุกภาคส่วน หากไฟเขียวขึ้นราคา ผู้บริโภคก็เดือดร้อน แต่ไม่อนุญาตให้ขึ้นราคาผู้ผลิตก็เดือดร้อน แต่กรมการค้าภายในจะฝืนกลไกตลาดการไม่ได้แค่ไหน เพราะต้องยอมรับความจริงต้นทุนวัตถุดิบสินค้าพุ่งสูงขึ้นมากในยุคนี้ ที่ผ่านมาเมื่อราคาสินค้าขึ้นแล้ว ลงยาก จึงเป็น”เผือกร้อน”สำหรับกระทรวงพาณิชย์ที่ต้องแก้ปัญหาให้เป็นที่”ถูกใจ”กับทุกฝ่าย