Weekly Market Strategy ตลาดน่าจะพักฐาน แนะเน้นหุ้นกลุ่มท่องเที่ยว และบริโภค

Weekly Market Strategy ตลาดน่าจะพักฐาน แนะเน้นหุ้นกลุ่มท่องเที่ยว และบริโภค

ในสัปดาห์ที่แล้ว (4-8 เมษายน) ตลาดหุ้นไทยเกิดการ correction จากท่าที hawkish ที่เหนือความคาดหมายในรายงานการประชุม FOMC และจากนางสาว Lael Brinard ซึ่งเป็นผู้บริหารคนสำคัญคนหนึ่งของ Fed

ดังนั้น ตอนนี้นักลงทุนจึงคาดว่า Fed จะขึ้นดอกเบี้ย 50bps ในเดือนพฤษภาคม และจะเร่งลดขนาดงบดุลของ Fed ลง แต่ในอีกด้านหนึ่ง มุมมองในเรื่องดังกล่าวทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุยาวของสหรัฐพุ่งสูงขึ้น และอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรสหรัฐไม่เกิดลักษณะ invert อีกต่อไปในปลายสัปดาห์ที่แล้ว สำหรับปัจจัยภายในประเทศ กระแสข่าวดูเป็นบวกมากขึ้น โดยโมเมนตั้มของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเร่งตัวขึ้นตั้งแต่ที่ประเทศไทยผ่อนคลายเกณฑ์การคัดกรอง ในขณะที่ ศบค. กำลังมีแผนจะผ่านคลายข้อจำกัดที่เกี่ยวข้องเพิ่มอีกโดยจะเริ่มตั้งแต่เดือนพฤษภาคม2565 เป็นต้นไป

สำหรับในสัปดาห์นี้ (11-12 เมษายน) ตลาดหุ้นไทยจะเปิดทำการซื้อขายเพียงสองวันเท่านั้นก่อนที่จะหยุดยาวช่วงเทศกาลสงกรานต์ในวันที่ 13-15 เมษายน เราคาดว่าดัชนี SET จะพักฐาน เนื่องจากตลาดการเงินโลกปรับตัวเพื่อสะท้อนท่าทีที่ hawkish มากขึ้นของ Fed ในสัปดาห์ก่อนไปเรียบร้อยแล้ว ในขณะที่ปัจจัยอื่น ๆ ที่ส่งผลกับตลาดยังดูเป็นกลาง ๆ ส่วนกรณีพิพาทระหว่างรัสเซีย-ยูเครนนั้น รัสเซียได้ตัดสินใจเปลี่ยนตัวผู้บัญชาการทางทหาร และปรับโฟกัสจากเมืองหลวงของยูเครนมาเป็นภาคตะวันออกของประเทศแทน ทั้งนี้ ยังไม่มีสัญญาณของการเจรจาสันติภาพ หรือ การทำข้อตกลงหยุดยิงในระยะสั้น ในสัปดาห์นี้ นักลงทุนต้องจับตาถ้อยแถลงของผู้บริหาร Fed, ตัวเลขเงินเฟ้อ และผลการประชุมเพื่อตัดสินนโยบายการเงินของ ECB

 

 

ติดตามถ้อยแถลงของผู้บริหาร Fed, ตัวเลข CPI สหรัฐ และผลการประชุม ECB

(0) ถ้อยแถลงของผู้บริหาร Fed ในวันที่ 11-12 เมษายน มีประธาน และผู้ว่าการของ Fed 4 คน (หนึ่งในนั้นคือนางสาว Lael Brainard ซึ่งแสดงท่าที hawkish และก่อให้เกิดแรงกระเพื่อมในตลาดเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว) ที่มีกำหนดจะกล่าวถึงแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐ และนโยบายการเงินในช่วงต้นสัปดาห์นี้ ซึ่งส่วนใหญ่อาจจะมีท่าทีค่อนไปทาง hawkish และทำให้ตลาดผันผวนมากขึ้น

(0/-) ตัวเลข CPI สหรัฐในวันที่ 12 เมษายน เนื่องจากราคาน้ำมันเพิ่มขึ้น และ อุปทานยังสะดุด ดังนั้น consensus จึงคาดว่า headline CPI และ core CPI ของสหรัฐจะเพิ่มขึ้น 8.5% YoY และ 6.6% YoY ตามลำดับ ซึ่งจะทำยอดสูงสุดใหม่สำหรับวัฏจักรรอบนี้ เรามองว่าตัวเลขเงินเฟ้อที่ร้อนแรงจะทำให้มีโอกาสมากขึ้นที่ Fed จะขึ้นดอกเบี้ย 50bps ในการประชุมนัดหน้าวันที่ 4-5 พฤษภาคม

(0) ผลการประชุม ECB วันที่ 14 เมษายน เราคาดว่า ECB จะยืนยันการยุติโครงการซื้อสินทรัพย์ในยุคของโรคระบาดที่เรียกว่า PEPP และอาจจะส่งสัญญาณการยุติโครงการซื้อสินทรัพย์ที่ใช้ชื่อว่า APP ในปลายเดือนมิถุนายน 2565 ทั้งนี้ รายงานการประชุม ECB ครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 10 มีนาคมมีท่าทีค่อนข้าง hawkish มากกว่าที่ตลาดคาดเอาไว้ และเปิดช่องเอาไว้สำหรับการขึ้นดอกเบี้ยใน 2H65 หากไม่เกิดภาวะเศรษฐกิจขาลงอย่างรุนแรงจากวิกฤติยูเครน

 

 

 

 

 

เน้นเลือกหุ้นในกลุ่มท่องเที่ยว, ผู้บริโภค และหุ้นที่ใช้ป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อ

ในขณะที่เราคาดว่าดัชนี SET จะขยับอยู่ในช่วงแคบในสัปดาห์นี้ เรามองว่าหุ้นกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว, ผู้บริโภค และหุ้นที่ใช้ป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อ น่าจะ outperform ตลาดได้ ทั้งนี้ โมเมนตั้มของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทยกำลังอยู่ในขาขึ้น และอาจจะเร่งตัวขึ้นอีกถ้าหากรัฐบาลผ่อนคลายข้อจำกัดเพิ่มอีกตั้งแต่เดือนพฤษภาคมเป็นต้นไป และอย่างที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าการท่องเที่ยวที่แข็งแกร่งขึ้นจะหนุนให้การบริโภค และเศรษฐกิจโดยรวมแข็งแกร่งขึ้นตามไปด้วย เราชอบ AOT*, MINT*, CPALL* และ MAKRO ในขณะเดียวกัน เราก็ชอบหุ้นโรงพยาบาล ซึ่งถือเป็นหุ้นที่ใช้ป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อ และจะได้อานิสงส์จากแนวโน้มการท่องเที่ยวที่สดใสมากขึ้นด้วย โดยมองว่า BCH* และ BDMS* น่าสนใจ