เช็ค 10 หุ้นรพ. รับข่าวหนุน เปิดประเทศเต็มรูปแบบ
สัญญาณนับถอยหลังเปิดประเทศอย่างเต็มรูปแบบสำหรับประเทศไทย หลังภาพรวมการติดเชื้อโควิดยังอยู่ในสถานการณ์ควบคุมได้แม้จะมีอัตราการติดเชื้อสูงขึ้น รวมไปถึงการทยอยผ่อนคลายมาตรการของต่างประเทศจึงทำให้ส่งผลดีต่อทิศทางการลงทุนในหุ้นเปิดเมือง
ปัจจุบันยังอยู่ในระหว่างเฝ้าดูสถานการณ์ผู้ติดเชื้อรายใหม่ในช่วง 2 สัปดาห์หลังสงกรานต์ ท่ามกลางการเตรียมความพร้อมรอบรับผู้ป่วยทางโรงพยาบาล เวชภัณฑ์ ยา พร้อมกับการพิจารณาควบคู่ไปกับการผ่อนคลายมาตรการ
ขณะเดียวกันเริ่มมีการมองการเปิดประเทศเต็มตัวเพื่อรับนักท่องเที่ยว สอดคล้องกับภาคเอกชนที่เสนอให้เปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวแบบไม่มีเงื่อนไข เพื่อให้เป็นไปในทิศทางเดียวกันกับหลายประเทศที่ลดการกักตัว ลดการสวมหน้ากากอนามัยนอกอาคาร
ล่าสุดศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคสหรัฐ (CDC) ได้มีการประกาศยกเลิกคำเตือนห้ามเดินทางมายังประเทศไทยและอีก 89 ประเทศ โดยล่าสุดให้ไทยอยู่ในกลุ่มที่มีความเสี่ยงจากโควิด-19 ในระดับ 3 จากเดิมอยู่ที่ระดับ 4 ซึ่งเป็นระดับสูงสุด
ก่อนหน้านี้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เสนอให้ยกเลิการตรวจ RT-PCR ให้กับนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าประเทศไทย พร้อมกับแนวทางของกระทรวงสาธารณสุขเตรียมประกาศโควิดเป็นโรคประจำถิ่นในวันที่ 1 ก.ค.นี้
จากสถานการณ์ดังกล่าวหนุนปัจจัยบวกให้กับ หุ้นโรงพยาบาลยกกลุ่มที่ได้รับอานิสงค์ในการ เตรียมเปิดประเทศเต็มรูปแบบ หนุนให้ผู้ป่วยต่างชาติเข้ามาใช้บริการเพิ่มมากขึ้น จากการลดจำกัดในการเข้าประเทศ ถัดมากลุ่มโรงพยาบาลประกันสังคมจากผู้ป่วยภายในประเทศเข้ารับการรักษาจากการติดเชื้อโควิด
ตามการคาดการณ์ฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) มองว่าระยะสั้นจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 อาจเร่งขึ้นหลังเทศกาลสงกรานต์ที่มีการเดินทางกลับภูมิลำเนากันมาก และก่อนหน้านี้ราคาหุ้นกลุ่มโรงพยาบาล ปรับตัวลงไประดับหนึ่งแล้ว บวกกับตลาดรอปัจจัยใหม่ และยังมีแรงกดดันจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเร่งปรับขึ้นดอกเบี้ยแรง จึงหาที่พักปลอดภัย มาที่กลุ่มโรงพยาบาลเพื่อหนีความเสี่ยง
ขณะเดียวกัน บล.เคทีบีเอสที มองการลงทุนในหุ้นกลุ่มโรงพยาบาลรับการผลประกอบการไตรมาส1 ปี 2565 ที่จะออกมาดี ซึ่งรับกับช่วงเทศกาลสงกรานต์ ตัวเลขผู้ติดเชื้อมีโอกาสพุ่งขึ้นสูง รพ.ประกันสังคมได้ประโยชน์ในส่วนนี้หลังรัฐจำกัดค่าใช้จ่ายให้ประชาชนใช้สิทธิตามสุขภาพพื้นฐาน
โดยมีหุ้นน่าสนใจ บมจ.บางกอก เชน ฮอสปิทอล หรือ BCH ซึ่งลุ้นกำไรไตรมาส 1/2565 เกินคาดรับการระบาดโอมิครอนช่วงต้นปี และอาจกินระยะเวลาต่อเนื่องไปตลอดไตรมาส 2 ทำให้กำไรทั้งปี 2565 มีโอกาสสูงกว่าที่ตลาดประเมิน โดยให้เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ที่ 23.00 บาทเช่นเดียวกับ บมจ.โรงพยาบาลจุฬารัตน์ หรือ CHG กลุ่มประกันสังคม มีสัดส่วนรายได้ในกลุ่มนี้ 30 % ใกล้เคียง BCH
ส่วนหุ้นโรงพยาบาลที่มีสัดส่วนต่างชาติ ทั้ง บมจ. โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ หรือ BH มีสัดส่วนรายได้ลูกค้าต่างชาติ 60% รองมาคือ บมจ. กรุงเทพดุสิตเวชการ หรือ BDMS มีสัดส่วนรายได้ลูกค้าต่างชาติ 30%
กลุ่มนี้น่าจะได้รับผลดีหลังวันที่ 1พ.ค. ต่างชาติเดินทางเข้าไทยมากขึ้นหลังลดการตรวจเชื้อโควิดด้วย ATK เท่านั้น ทำให้มีสัญญาณบวกกลุ่มผู้ป่วยต่างชาติ บินเข้าประเทศไทยจะเติบโตช่วงไตรมาส 2 ปี 2565 บวกกับรับรักษาผู้ป่วยโควิด
หุ้นกลุ่มที่มีปัจจัยบวกและมีราคาหุ้นเพิ่มสูงอย่างมีนัยะสำคัญ ประกอบไปด้วย 3 โรงพยาบาลใหญ่ บมจ. ธนบุรี เฮลแคร์ กรุ๊ป หรือ THG ราคาปรับตัวมากสุดในกลุ่ม 159% จากราคาหุ้นต้นปี 37.25 บาท อยู่ที่ 96.25 บาท ,บมจ.โรงพยาบาลรามคำแหง หรือ RAM ราคาหุ้นปรับตัว 54.71 % จากต้นปี 39.75 บาท อยู่ที่ 61.50 บาท และ บมจ. โรงพยาบาลวิภาวดี หรือ VIBHA ราคาหุ้นปรับตัวลดลง -4.64 % จากต้นปี 2.64 บาท อยู่ที่ 2.68 บาท ระหว่างทางราคาอยู่ที่ 2.80 บาท
โดยมีความเคลื่อนไหวจากการมีผู้ถือหุ้นในกลุ่มเดียวกัน และยังผนึกกำลังดำเนินธุรกิจโรงพยาบาล ซึ่ง RAM เข้าร่วมลงทุนใน โครงการโรงพยาบาลธนบุรี รังสิต มูลค่า 1,080 ล้านบาท โดยเป็นการร่วมลงทุนเพื่อประกอบกิจการโรงพยาบาลเอกชน ขนาด 250 เตียง ตั้งอยู่บริเวณโครงการ Jin Wellbeing Country สัดส่วนการถือหุ้น RAM จะถือหุ้น 40% ร่วมกับ THG 30% VIBHA 10% และ กลุ่มแพทย์ นพ.นภสินธุ์ เถกิงเดช 20%