“พลังงาน” อุ้มน้ำมันดีเซลต่อไม่ไหว จ่อขยับแบบขั้นบันไดเริ่ม 32 บาท
“พลังงาน” เผย 1 พ.ค. ลดอุ้มดีเซล รัฐจ่ายส่วนที่เกิน 30 บาท เพียง 50% หลังกองทุนน้ำมันต้องอุดหนุนลิตรละ 11.21 บาท ชี้เงินเฟ้อ-ค่าขนส่งพุ่ง “สุพัฒนพงษ์” สั่งหาแนวทางดูแล คาดปรับขึ้นเป็นขั้นบันได เริ่มต้นราคา 32 บาท มั่นใจกองทุนน้ำมันกู้เงินได้ มิ.ย.นี้
มาตรการตรึงราคาพลังงาน บางส่วนจะสิ้นสุดในเดือน พ.ค.2565 โดยเฉพาะมาตรการตรึงราคาดีเซลลิตรละ 30 บาท ที่ภาครัฐจะลดการอุดหนุนราคาลงในวันที่ 1 พ.ค.2565 ในขณะที่การลดภาษีดีเซลลิตรละ 3 บาท รวม 3 เดือน โดยจะสิ้นสุดมาตรการในวันที่ 20 พ.ค.2565 ซึ่งจะทำให้ ราคาดีเซล ทยอยปรับเพิ่มสูงขึ้น
ในขณะที่ปัจจุบันราคาดีเซลอยู่ที่ลิตรละ 29.94 บาท โดยกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงอุดหนุนลิตรละ 11.21 บาท และราคาดีเซลจริงอยู่ที่ลิตรละ 41.15 บาท
นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค.2565 ภาครัฐจะอุดหนุนราคาดีเซล 50% ในส่วนที่เกิน 30 บาท ได้สั่งการให้กระทรวงพลังงาน หารือกับ คณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) ถึงแนวทางในการดูแลประชาชน เพราะหากลดการอุดหนุนลงเหลือ 50% ของราคาส่วนที่เกิน 30 บาท จะกระทบพอสมควร โดยดูหลายแนวทางเพื่อลดผลกระทบประชาชน
สำหรับการกู้เงินของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง นายสุพัฒนพงษ์ กล่าวว่า ภายในเดือน เม.ย.2565 จะได้ข้อสรุปและทุกอย่างน่าจะเรียบร้อย เพราะได้ประสานกับกระทรวงการคลังแล้วให้มาช่วยให้ความมั่นใจกับสถาบันการเงินที่จะปล่อยกู้ให้กับกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงแล้วว่าเงินกู้ในส่วนนี้รัฐบาลจะช่วยดูแล
“คลัง”รับรองหนี้สาธารณะ
นายสุพัฒนพงษ์ กล่าวว่า ส่วนรัฐบาลได้ติดตามสถานการณ์ยูเครนใกล้ชิดหากมีสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมอาจมีการออกมาตรการเพิ่มเติมจากที่ได้มีการกำหนดไว้เดิม 10 มาตรการ
แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาล กล่าวว่า ก่อนหน้านี้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงได้ขอให้สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เป็นหน่วยงานที่รับรองกับสถาบันการเงินที่จะปล่อยกู้ให้กับกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง และต่อมาได้มีการประสานไปยังกระทรวงการคลังเพื่อขอให้กระทรวงการคลังเป็นผู้ออกหนังสือรับรองที่เรียกว่า “letter of comfort” เพื่อให้ความมั่นใจกับสถาบันการเงินว่าหนี้สินของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงจะถือเป็นหนี้สาธารณะ และรัฐบาลจะเข้ามาดูแลในการชำระหนี้ที่เกิดขึ้นจึงทำให้การกู้เงินสามารถทำได้ในที่สุด
กองทุนแบก 11 บาท อุ้มดีเซล
แหล่งข่าวจากกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ได้สั่งการให้สำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมจัดทำแผนรองรับมาตรการพยุงราคาน้ำมันดีเซลไม่ให้กระทบภายหลังวันที่ 30 เม.ย.2565 ที่รัฐบาลจะปล่อยราคาดีเซลเกินลิตรละ 30 บาท และจะพยุงราคา 50% ในส่วนที่เกิน 30 บาท แต่หากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกยังสูงขึ้นต่อเนื่องจะทำให้การช่วยเหลือในสัดส่วน 50% ดังกล่าวอาจจะยังไม่เพียงพอ
ทั้งนี้ สนพ.รายงานข้อมูลราคาน้ำมันที่ขายในประเทศไทยในวันที่ 19 เม.ย.2565 ราคาจริงที่จะต้องขายอยู่ที่ลิตรละ 41.15 บาท โดยกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงอุดหนุนที่ลิตรละ 11.21 บาท เพื่อให้ราคาขายหน้าสถานีบริการน้ำมันภายใต้การสนับสนุนของรัฐบาล ประกอบด้วย สถานีบริการน้ำมันพีทีที สเตชั่น กับ สถานีน้ำมันบางจาก มีราคาอยู่ที่ 29.94 บาทต่อลิตร
อย่างไรก็ตาม ในการช่วยเหลือดีเซลคนละครึ่งด้วยการนำราคาดีเซลลิตรละ 30 บาท เป็นตัวตั้งนั้นจะต้องดูว่าราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกนับจากนี้จะเคลื่อนไหวระดับใด
ทยอยขึ้นดีเซลเริ่มที่32บาท
นอกจากนี้ มติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 22 มี.ค.2565 จะครบกำหนดการตรึงราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลลิตรละ 30 บาทต่อลิตร ไปถึงสิ้นเดือน เม.ย.2565 หลังจากนั้นรัฐบาลจะเข้าไปช่วยเหลือส่วนที่ราคาน้ำมันดีเซลปรับเพิ่มขึ้นครึ่งนึงในวันที่ 1 พ.ค.2565 ซึ่งจะส่งผลให้ราคาหน้าสถานีบริการน้ำมันอยู่ที่ลิตรละ 35.5 บาท ซึ่งผู้บริหารและคณะทำงานประกอบด้วยผู้ทรงคุณวุฒิ กระทรวงพาณิชย์และกระทรวงการคลัง จึงยังกังวลว่าราคายังสูงเกินไปจากสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบที่ยังคงสูงขึ้นในขณะนี้
ในกรณีที่ขึ้นราคาทันทีเป็นลิตรละ 35 บาท ต้องดูว่าประชาชนจะกังวลหรือไม่ อัตราเงินเฟ้อจะเป็นอย่างไรเพราะค่าขนส่งจะขึ้นทันที ทุกคนเป็นห่วงจึงให้ สกนช.เร่งทำแผนช่วยเหลือหลายรูปแบบ อาทิ
การขึ้นราคาทีละสเต็ป โดยปรับราคาเป็น 32 บาทต่อลิตรก่อน และดูสถานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงประกอบ เพราะขณะนี้ติดลบแล้ว 50,000 ล้านบาท กระแสเงินสดเหลือ 14,000 ล้านบาท มีเงินเข้าเดือนละ 3,000 ล้านบาท
แนะหารือต่อมาตรการภาษี
กระทรวงพลังงานและกระทรวงการคลัง ต้องหารือการลดภาษีสรรพสามิตดีเซล ซึ่งวันที่ 20 พ.ค.2565 จะครบกำหนดที่กรมสรรพสามิต กระทรวงการคลังครบกำหนดลดการภาษีน้ำมันดีเซล 3 บาทต่อลิตรด้วย
ดังนั้น หากราคาน้ำมันตลาดโลกยังคงพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งต้องประเมินว่าราคาน้ำมันดีเซลที่คาดว่าจะขึ้นในช่วงแรกที่ลิตรละ 32 บาท จะพยุงราคาได้นานแค่ไหน และจะมีการขยายเวลาลดภาษีน้ำมันดีเซลต่ออีกหรือไม่ ซึ่งเป็นเรื่องที่กระทรวงพลังงานและกระทรวงการคลังต้องหารืออีกครั้ง โดยการลดภาษีสรรพสามิตดีเซลในช่วง ก.พ.-พ.ค.2565 ทำให้รัฐเสียรายได้ 17,000 ล้านบาท
เสนออิงราคาดีเซลอาเซียน
การกำหนดราคาดีเซลในประเทศ โดยอ้างอิงจากราคาของอาเซียน เช่น เวียดนาม เพื่อให้ราคามีความใกล้เคียงกัน โดยปัจจุบันเวียดนามราคาขายดีเซลลิตรละ 35-36 บาท
“กองทุนน้ำมันจะต้องเร่งทำข้อมูลต่างๆ และกระทรวงพลังงานได้เร่งหาแนวทางที่จะช่วยเหลืออยู่ เพราะที่ผ่านมากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงได้ให้ข้อมูลตัวเลขอุดหนุนน้ำมันดีเซลในช่วงราคาที่สูงอยู่ถึง 14 บาทต่อลิตร ซึ่งตอนนั้นยังมีกระแสเงินสดเยอะ แต่ตอนนี้ก็ได้พยายามเร่งกู้เงินมาเติมน่าจะได้เข้ามาช่วยเสริมตรงนี้ได้บ้าง”
ทั้งนี้ในกรณีที่ต้องอุดหนุนราคาดีเซลลิตรละกว่า 10 บาทต่อไปอีกจะต้องใช้เงินอีกจำนวนมาก ดังนั้น การทยอยปรับขึ้นราคาเป็นขั้นบันไดและเทียบราคากับประเทศเพื่อนบ้านจะเป็นอีกแนวทางที่ดี ซึ่งกระทรวงพลังงานหวังว่าประชาชนจะเข้าใจในกรณีหากราคาพลังงานในตลาดโลกยังสูงขึ้นต่อเนื่อง
ครม.ขยายช่วยค่าเอฟที-เบนซิน
นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ครม.เห็นชอบปรับปรุงรายละเอียดมาตรการเร่งด่วนเพื่อบรรเทาผลกระทบต่อประชาชนจากสถานการณ์ราคาพลังงานอันเนื่องจากปัญหาความขัดแย้งในยุโรป ได้แก่
1.มาตรการลดภาระค่าครองชีพประชาชน โดยการให้ส่วนลดอัตราค่าไฟฟ้าผันแปร (ค่า FT) ให้ผู้ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 300 หน่วยต่อเดือน จากเดิมให้ส่วนลดผู้ใช้ไฟฟ้าที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 300 หน่วยต่อเดือน เป็นให้ส่วนลดค่า FT แก่ผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทบ้านอยู่อาศัยและประเภทกิจการขนาดเล็ก (ไม่รวมส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจ) ที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 300 หน่วยต่อเดือน เป็นระยะ 4 เดือน ตั้งแต่เดือน พ.ค.-ส.ค.2565 ซึ่งทำให้มาตรการชัดเจนขึ้น และขอวงเงิน 2,000-3,500 ล้านบาท สำหรับส่วนลดจะเป็นเท่าใดคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) จะกำหนดอีกที
2.มาตรการลดภาระค่าใช้จ่ายผู้ประกอบอาชีพภาคขนส่ง โดยให้ส่วนลดราคากลุ่มเบนซิน ซึ่งเดิมให้ส่วนลดราคา “น้ำมันแก๊สโซฮอล” แก่ผู้ขับขี่มอเตอร์ไซต์รับจ้างที่มีใบอนุญาตและที่จดทะเบียนกับกรมการขนส่งทางบก 106,655 คน ในรูปแบบรัฐร่วมจ่าย 50% ไม่เกินคนละ 50 บาท/วัน และไม่เกินคนละ 250 บาทต่อเดือน ในเดือน พ.ค.-ก.ค.2565 พร้อมทั้งให้ยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์สาธารณะที่ได้รับเงินจากโครงการบรรเทาผลกระทบนี้ โดยภาครัฐจะมีภาระค่าใช้จ่ายรวม 79.99 ล้านบาท
ทั้งนี้ ให้ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์สาธารณะกดยืนยันสิทธิ์และเงื่อนไขผ่านแอปพลิเคชัน และจ่ายเงินโดยสแกน QR Code ณ สถานีบริการน้ำมัน ที่เข้าร่วมโครงการ สำหรับสถานีบริการน้ำมันแจ้งความประสงค์เข้าร่วมโครงการผ่านแอปพลิเคชันฝั่งผู้ขาย