NCH เจาะกลุ่มลูกค้ากำลังซื้อสูง รับปัจจัยหนุนเศรษฐกิจฟื้นตัว
รัฐบาลมุ่งเน้นการเปิดประเทศเพื่อรับนักท่องเที่ยวมากขึ้น ทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจทยอยฟื้นตัวมากยิ่งขึ้น สอดรับทิศทางเศรษฐกิจไทยที่คาดว่าจะกลับมาฟื้นตัวโดดเด่นในช่วงครึ่งปีหลัง สะท้อนผ่าน “กำลังซื้อ”ของประชาชนที่ทยอยดีขึ้น !
“ประภัทร วัชโลณุรักษ์” ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจและแผนงาน บริษัท เอ็น.ซี.เฮ้าส์ซิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ NCH เปิดเผยว่า ทิศทางเศรษฐกิจไทยที่ทยอยฟื้นตัว หลังการแพร่ระบาดของโควิด-19 คลี่คลาย ส่งผลให้กำลังซื้อในประเทศของประชาชนดีขึ้น จากกรณีที่ภาครัฐบาลได้เปิดประเทศเพื่อที่จะรับนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศ รวมไปถึงการส่งออกที่เติบโตได้อย่างต่อเนื่อง
ดังนั้น มองทิศทางผลประกอบการในช่วงครึ่งปีหลังจะปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องจากช่วงครึ่งปีแรก และบริษัทยังมั่นใจว่ารายได้ในปี 2565 จะเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ 2,500 ล้านบาท จากช่วงครึ่งปีแรกบริษัทมีรายได้แล้ว 1,318 ล้านบาท และปัจจุบันบริษัทมียอดขายรอโอนกรรมสิทธิ์ (Backlog) กว่า 583 ล้านบาท ซึ่งจะรับรู้รายได้ทั้งหมดภายในปีนี้
ขณะที่ช่วงครึ่งปีหลังบริษัทเตรียมเปิดโครงการใหม่อีก “5 โครงการ” มูลค่ารวม 4,500 ล้านบาท จากครึ่งปีแรกเปิดไปแล้ว 1 โครงการ มูลค่า 1,761 ล้านบาท ส่งผลให้ทั้งปี 2565 เปิดโครงการได้ 6 โครงการ มากกว่าเป้าหมายที่วางไว้เดิม 5 โครงการ
อย่างไรก็ตาม บริษัทได้มีการพัฒนาโครงการแนวราบเป็นสัดส่วนมากกว่า 90% ของโครงการทั้งหมด และบริษัทเน้นเจาะกลุ่มลูกค้าที่ราคายูนิตระดับละ 5 ล้านบาทบวก - ลบ ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูง และปัญหาในการซื้อโครงการค่อนข้างน้อย สะท้อนผ่านในช่วง 8 เดือนที่ผ่านมา บริษัทมียอดขายแล้วราว 3,000 ล้านบาท และยังคงมั่นใจว่าทั้งปียอดขายจะเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ 4,600 ล้านบาท
สำหรับทำเลอื่นๆ ที่จะเปิดในช่วงครึ่งปีหลังนี้ นอกจากโซนกรุงเทพมหานคร ตะวันตกแล้ว ยังมีกรุงเทพฯโซนเหนือ ซึ่งเป็นทำเลหลักของบริษัทที่มีความชำนาญ และมีการเปิดโครงการที่ได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้าซึ่งจะมีการขยายโครงการใหม่เพิ่มเพื่อรับความต้องการอยู่อาศัยในกรุงเทพฯ โซนเหนือ
พร้อมกับยังเตรียมที่ดินในโซนกรุงเทพฯ ตะวันออก เพื่อขยายกลุ่มลูกค้า ซึ่งในอดีตบริษัทเคยเปิดโครงการในโซนกรุงเทพฯ ตะวันออก ย่านศรีนครินทร์ มาแล้ว ขณะที่ในส่วนของธุรกิจด้าน Wellness ในช่วงครึ่งปีหลัง จะมีการเปิดศูนย์สุขภาพ NC Regent Wellness เพิ่มอีก 1 แห่ง จากปัจจุบันที่เปิดไปแล้ว 2 แห่ง ในย่านรังสิต ซึ่งบริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาแผนการเปิด NC Regent เพิ่มขึ้นในอนาคต
สำหรับอัตราการปฏิเสธสินเชื่ออยู่ในระดับที่ใกล้เคียงเดิมที่ 30-40% ซึ่งเป็นระดับที่สามารถบริหารจัดการได้
ท้ายสุด “ประภัทร” บอกไว้ว่า โดยในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้บริษัทจะรุกขยายโครงการในระดับราคา 3-5 ล้านบาท ซึ่งยังเป็นกลุ่มที่มีความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยเพื่ออยู่เองเป็นจำนวนมากในตลาด ทำให้เป็นปัจจัยหนุนต่อการผลักดันยอดขายในปีนี้ให้เติบโตตามเป้าหมายที่วางอย่างแน่นอน
ผลประกอบการไตรมาส 2 ปี 2565 มีกำไรสุทธิ 83.87 ล้านบาท เทียบกับไตรมาส 2 ปี 2564 ซึ่งมีผลการดำเนินงานกำไรสุทธิ 51.99 ล้านบาท บริษัท และบริษัทย่อยมีผลการดำเนินงานกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 31.88 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 61.33%
โดยมีสาเหตุหลักรายได้รวม 655.88 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 2 ปี 2564 ซึ่งมีรายได้รวม 522.29 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 133.60 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 25.58% รายได้จากการขาย 643.52 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 2 ปี 2564 ซึ่งมีรายได้จากการขาย 510.79 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 132.73 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 25.98 % เนื่องจากความสามารถในการโอนกรรมสิทธิ์เพิ่มขึ้น จากโครงการ ฌาร์มคลาสสิค, ปาล์มพาร์ค 2, ลอฟท์ พัทยา, นีโอ ล่า และบ้านฟ้ากรีนเนอรี่ ธีโอ ปิ่นเกล้า เพชรเกษม
งวด 6 เดือนแรกปี 2565 มีผลการดำเนินงานกำไรสุทธิ 199.56 ล้านบาท เทียบกับงวด 6 เดือนแรก ของปี 2564 ซึ่งมีผลการดำเนินงานกำไรสุทธิ 132.39 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 67.17 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 50.74 % โดยมีสาเหตุหลักรายได้รวม 1,317.94 ล้านบาท ลดลงจากงวด 6 เดือนแรก ของปี 2564 ซึ่งมีรายได้รวม 1,424.66 ล้านบาท ลดลง106.73 ล้านบาท หรือลดลง 7.49 %
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์