Climate Change เรื่องที่ SME ต้องให้ความสำคัญในการประกอบธุรกิจ…(1)
Climate Change หรือ สภาวะโลกร้อนที่เกิดจากการปล่อยก๊าชเรือนกระจกของมนุษย์ ไม่ใช่เรื่องไกลตัวแล้ว และมีแนวโน้มรุนแรงขึ้นทุกขณะ
การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) หรือ สภาวะโลกร้อนที่เกิดจากการปล่อยก๊าชเรือนกระจกของมนุษย์ โดยเฉพาะก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากการเผาไหม้เชื้อเพลิงฟอสซิลกำลังเป็นมหันตภัยที่ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อโลก Climate Change ทำให้อุณหภูมิโลกสูงขึ้นเป็นจุดเริ่มต้นที่ก่อให้เกิดปัญหาภัยแล้ง น้ำท่วม คลื่นพายุซัดฝั่ง การเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเล และการลดลงของความหลากหลายทางชีวภาพ ที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อโลกในทุกมิติ ส่งผลกระทบโดยตรงต่อสุขภาพ ผลิตภาพของแรงงาน การโยกย้ายถิ่นฐานของแรงงาน (Climate Rfugees) ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน
ตั้งแต่ปี 2016-2020 เพียงแค่ 5 ปี อุณหภูมิโลกร้อนขึ้นเฉลี่ย 1.2 องศาเซลเซียส สูงกว่าอุณหภูมิโลกที่เฉลี่ยเพิ่มขึ้นตลอดศตวรรษที่ 19 หลายเท่าสภาพอากาศร้อนทำให้ธารน้ำแข็งทั่วโลกเริ่มละลาย หนุนน้ำทะเลให้ร้อนขึ้น จนเกิดปรากฏการณ์ปะการังฟอกสีและสัตว์ทะเลเกยตื้น สภาพอากาศของโลกที่แปรปรวนมากขึ้น เกิดปรากฏการณ์ที่เรียกว่า Global Warming ฤดูร้อนจะร้อนขึ้น แล้งขึ้นและกินเวลานาน ฤดูหนาวจะสั้นลง ปริมาณฝนแปรปรวนสูงและผิดฤดูกาล ภัยพิบัติต่าง ๆ เกิดขึ้นบ่อยและรุนแรงขึ้น
University of California at Berkeley ได้เปิดเผยข้อมูลว่า ต้นทุนจากสภาวะโลกร้อนที่สูงที่สุดของสหรัฐอเมริกาคือต้นทุนด้านสุขภาพ โดยเฉพาะในช่วงที่อุณหภูมิร้อนจัดในประเทศสเปนและโปรตุเกส มีผู้เสียชีวิตจากคลื่นความร้อนถึง 2,000 คน ในเดือนสิงหาคม 2022 ความเสี่ยงสำคัญในอนาคตที่อาจเกิดวิกฤตด้านความมั่นคงทางอาหาร (Food Security) ที่เกิดจากผลผลิตทางการเกษตรไม่เป็นไปตามฤดูกาล (Crop Faiure)
ในอนาคตประเทศในกลุ่มกำลังพัฒนา United Nations Ennvironment Program (UNEP) คาดการณ์ว่าร้อยละ 54 ของงบประมาณรัฐบาลจะเป็นต้นทุนด้านการปรับตัว (Adaptation Cost) โดยเฉพาะการสร้างสิ่งปลูกสร้างเพื่อรับมือกับอุทกภัยและระดับน้ำทะเลที่เพิ่มสูงขึ้นเช่นการสร้างกำแพงกันคลื่น ( Seawall) การพัฒนาระบบขนส่งทางรางเพื่อลดการใช้ยานพาหนะส่วนตัว
รายงานของคณะกรรมการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Inetr-Government Panel on Climate Change : IPCC) ระบุว่า หากอุณหภูมิของโลกเพิ่มขึ้นเพียง 2 องศาเซลเซียส จะทำให้น้ำท่วมมากขึ้นอีกร้อยละ 170 และประชาชนทั่วโลกโดยเฉพาะภูมิภาคที่มีความเปราะบางสูง เช่น เอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะได้รับผลกระทบจากระดับน้ำทะเลที่อาจเพิ่มสูงขึ้นเฉลี่ยทั่วโลก 1.1 เมตร ใน ค.ศ.2100
ประเทศไทยจัดอยู่ในประเทศกลุ่มเสี่ยงสูงสุดจากผลกระทบของ Climate Change อีกทั้งยังเป็นตัวการสำคัญในการก่อปัญหาด้วย โดยอยู่ในกลุ่ม 16 ประเทศที่มีความเสี่ยงสูงสุดจากผลกระทบของ Climate Change ในช่วง 30 ปีข้างหน้า ไทยมีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากเป็นอันดับที่ 25 ของโลก กรุงเทพฯ ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในปริมาณที่เกือบเท่ากับลอนดอนที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่กว่าเกือบถึง 10 เท่า กรุงเทพฯ เป็นหนึ่งในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูงจากน้ำท่วมพื้นที่ตามแนวชายฝั่งและการทรุดตัวของดิน ในปี 2020 Global Climate Risk จัดให้ไทยเป็นประเทศที่ได้รับผลกระทบระยะยาวจาก Climate Change ถึง 146 ครั้ง เกิดความสูญเสียต่อหน่วย GDP ร้อยละ 0.82 โดยเฉพาะมหาอุทกภัยในปี 2010 ธนาคารโลกได้ประเมินมูลค่าความเสียหายที่เกิดขึ้นสูงถึง 1.44 ล้านล้านบาท
Climate Change ไม่ใช่เรื่องไกลตัวแล้ว และมีแนวโน้มรุนแรงขึ้นทุกขณะ เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2565 ที่ผ่านมา ผมมีโอกาสได้ฟังการบรรยาย เรื่อง Climate Change and Financial Reporting Impacts (Audit Committee No.49) ที่จัดโดย KPMG Thailand ผ่านระบบ Microsoft Team ฟังเขาบรรยายถึง Climate-related Risks and Financial Impacts
แค่ Physical damage to assets and rising insurance costs ก็เป็นห่วง SME ที่กำลังลำบาก ทุกวันนี้ก็เหนื่อยมากอยู่แล้ว ท่านผู้ประกอบการต้องปรับตัวอย่างไรบ้างจึงจะอยู่รอด ทุกฝ่ายต้องสุมหัวคิดแล้ว…