STARK กำลังส่งกลิ่นคล้าย ‘หุ้น EARTH’ เข้าไปทุกที !
หรือเส้นทางของ STARK กำลังจะกลายเป็นอีกหนึ่ง “หุ้นมหากาพย์” ในตลาดหุ้นไทย ! ตามรอยเท้ารุ่นพี่อย่าง EARTH "จริง" หรือ "เท็จ" คงต้องรอลุ้นตัวเฉลยเบื้องต้น 16 มิ.ย. นี้ ที่บริษัทกำหนด “เดดไลน์” ส่งงบการเงินประจำปี 2565 ซึ่งจะเป็นตัวเฉลยความจริงให้ปรากฏ...
หากเอ่ยถึงหุ้นตัวไหนที่กำลังโด่งดังที่สุด ณ เวลานี้ ! คงปฏิเสธไม่ได้ว่าคือ บริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STARK บริษัทนี้เคยมีมูลค่ามากสุดถึงระดับ “3หมื่นล้าน” ! แต่สิ่งที่กำลังเกิดขึ้น “เหมือนละครเรื่องเก่า กำลังถูกนำมารีเมคใหม่” และเป็นเรื่องราวที่ผู้คนที่คร่ำหวอดในตลาดหุ้นต่างขวัญผวาไปตามกัน ด้วยเพราะกลิ่นอายของเรื่องราวของ “หุ้น STARK” ดูๆ ชักจะเหมือนกับหุ้นถ่านหินเจ้าปัญหาอย่าง บริษัท เอ็นเนอร์ยี่ เอิร์ธ จำกัด (มหาชน) หรือ EARTH เข้าไปทุกที...
หากไล่เรียงดูเส้นทาง STARK และ EARTH เข้าตลาดหุ้น โดย EARTH เข้าจดทะเบียนตลาดหลักทรัพย์ MAI เมื่อปี 2553 ด้วยวิธีการ Backdoor หุ้น APC บริษัทนี้เป็นบริษัท trading ถ่านหิน มูลค่าบริษัท (market cap) เคยมากสุดถึง 30,000 ล้านบาท ในปี 2556
ขณะที่ STARK เปลี่ยนชื่อมาจาก บริษัท สยามอินเตอร์มัลติมีเดีย จำกัด (มหาชน) หรือ SMM โดยมี “กลุ่มวนรัชต์ ตั้งคารวคุณ” เข้าไปซื้อหุ้นเพิ่มทุนในราคาหุ้นละ 60 สตางค์ และเข้าไปถือหุ้นใหญ่ในสัดส่วนประมาณ 94% ในปี 2561
ก่อนปฏิบัติการเริ่มสร้างภาพโปรไฟล์ดีของ STARK และ EARTH ด้วยการพลิกฟื้นธุรกิจให้เติบโต มีผลประกอบการ “กำไร-รายได้” เติบโตต่อเนื่อง ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นจน “ดึงดูด” ความสนใจจากนักลงทุนทั้งนักลงทุนรายใหญ่-รายย่อย-สถาบัน (กองทุน) ทั้งในและต่างประเทศ ต่างพาเหรดเข้ามาถือหุ้นกัน “คึกคัก”
แต่แล้วช่วงเวลา “ฮันนีมูน” (honeymoon) ก็จบลงเมื่อสัญญาณร้ายเริ่มต้นขึ้น ! อยู่ๆ ราคาหุ้นร่วงโดยนักลงทุนไม่รู้สาเหตุ ก่อนสารพัดข่าวร้ายจะเริ่มทะลักออกมาแบบไม่ให้นักลงทุนตั้งตัวและไม่คาดคิดว่าหุ้นที่สร้างภาพสวยหรูจะมีปัญหาอะไรซ่อนอยู่ภายในองค์กรมากมาย และเรื่องราวดังกล่าวเริ่มบานปลายมากขึ้นเรื่อย ๆ
ส่งงบการเงินไม่ได้ !! คือ ชนวนก่อความสงสัย เหตุใดทำไมบริษัทที่มีกำไรเติบโตต่อเนื่อง มีกองทุนถือหุ้น ถึงส่งงบการเงินตามกำหนดไม่ได้ และขอเลื่อนมาเรื่อยๆ จนกระทั้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ต้องขึ้นเครื่องหมาย “SP” พักการซื้อขายชั่วคราว ตามาด้วยกระแสข่าวไม่ดีเกี่ยวกับฐานะการเงินของบริษัทก็ถูกขุดคุ้ยออกมาไม่ขาดสาย
หากย้อนดูเส้นทาง หุ้น EARTH จากประกาศผิดนัดชำระหนี้ตั๋ว B/E 40 ล้านบาท และบอกว่าน่าจะจ่ายคืนหนี้งวดต่อๆไปไม่ได้เช่นกัน.. ส่งผลให้ต่อมาสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) จึงได้สั่งให้ EARTH ชี้แจงเพิ่มเติมกรณีการผิดนัดชำระตั๋ว B/E ว่าจะมีผลกระทบต่อการดำเนินงานหรือไม่ ภายใน 7 วัน
ต่อมา EARTH แจ้งข่าวต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ ว่า ได้ผิดนัดชำระหนี้กับสถาบันการเงิน และหุ้นกู้จะกำลังถูกเรียกคืนเงินต้น ซึ่งจะกระทบสภาพคล่องของบริษัทอย่างหนัก หลังจากการแจ้งข่าวของ EARTH ออกไม่นาน ตลาดหลักทรัพย์ฯ ก็ได้ขึ้นเครื่องหมาย “H” และ “SP” เพื่อไม่ให้นักลงทุนซื้อขายหุ้น EARTH ทันที และหลังจากนั้นมา หุ้น EARTH ก็ซื้อขายไม่ได้อีกเลย.. จนถึงวันนี้ !!
ทั้งนี้ ก.ล.ต. สั่งให้ EARTH จัดให้มีผู้สอบบัญชีตรวจสอบเป็นกรณีพิเศษ หรือ special audit โดยต้องเป็นผู้สอบบัญชีจากบริษัท big4 เพื่อตรวจสอบรายการเงินจ่ายล่วงหน้าค่าสินค้าและเงินจองสิทธิในการซื้อสินค้าว่ามีจริงหรือไม่? และ เปิดเผยผลการตรวจสอบภายใน 30 วัน
แต่ใกล้ถึงกำหนดเส้นตาย EARTH แจ้งขอผ่อนผันส่งรายงานผล special audit ต่อ ก.ล.ต. ให้ขยายเวลาออกไป เพราะอยู่ในระหว่างการรอเสนอราคาจากสำนักงานสอบบัญชี แต่ต่อมา ก.ล.ต.ไม่ผ่อนผันให้ ซึ่ง EARTH ก็ตอกย้ำความสงสัยซ้ำด้วยการยื่นคำร้องขอฟื้นฟูกิจการบริษัท เพราะตอนนี้อยู่ในภาวะที่มีหนี้สินมากกว่าทรัพย์สิน
เดิมก่อนหน้านั้นงบการเงินล่าสุดของ EARTH มีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สินอยู่ 10,686 ล้านบาท อยู่ดีๆ หนี้สินเพิ่มมาจากไหน ซึ่งตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ขอให้ EARTH แจกแจงหนี้ที่เพิ่มขึ้นมาเป็นของเจ้าหนี้ไหนบ้าง มีการตั้งด้อยค่าทรัพย์สินหรือไม่ ก่อนที่ EARTH ชี้แจงกลับไปว่ามีหนี้เกิดขึ้นมาใหม่ 26,000 ล้านบาท เกิดจากคู่ค้าของบริษัทได้ยื่นฟ้องบริษัท
นี่คือจุดเริ่มต้นของมหากาพย์ทั้งหมด ก่อนการล่มสลายของ หุ้น EARTH
ขณะที่ หุ้น STARK ก็เป็นหุ้นที่ถูกสร้างภาพให้ดูดี จนกลายเป็นบริษัทที่มีอนาคตสดใส จะทำอะไรคล่องตัวไปหมด ทั้งการระดมทุน , กู้เงินจากสถาบันการเงินกว่า 8,000 ล้านบาท , การออกหุ้นกู้จำนวน 9,000 กว่าล้านบาท , การออกหุ้นเพิ่มทุนออกใหม่ต่อบุคคลในวงจำกัด (PP) จำนวน 1,500 ล้านหุ้น ราคาหุ้นละ 3.72 บาท ซึ่งมีผู้ได้รับการจัดสรร 12 ราย ก็ขายเกลี้ยงได้เงินรวม 5,580 ล้านบาท
รวมเงินที่ STARK ระดมเข้าไปรวมกว่า 20,000 ล้านบาท ยังไม่นับรวมกำไรสะสมอีกจำนวน 7,849.71 ล้านบาท (ตัวเลข ณ สิ้นเดือนก.ย. 2565)
ก่อนที่บริษัทจะล้มแผนการซื้อหุ้นบริษัท LEONI AG และ LEONI Bordnetz-Systeme GmbH และหุ้น LEONI Kabel GmbH ซึ่งเป็นบริษัทจำกัดที่จดทะเบียนภายใต้กฎหมายของประเทศเยอรมนี หลังจากขายหุ้นเพิ่มทุน PP ไปหมดแล้ว แต่เมื่อล้มแผนไม่ซื้อหุ้นบริษัทในประเทศเยอรมนีแล้ว กลับไม่ยอมคืนเงินเพิ่มทุนให้นักลงทุนสถาบัน 12 แห่ง ที่ลงขันซื้อหุ้นเพิ่มทุนจำนวน 5,580 ล้านบาท !! แต่อ้างว่าจะนำไปใช้ขยายการลงทุนด้านอื่นแทน ซึ่งผิดวัตถุประสงค์จากการเพิ่มทุนที่ประกาศไว้ครั้งแรก
ต่อมา STARK แจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯ ขอเลื่อนส่งงบการเงินประจำปี 2565 จนตลาดหลักทรัพย์ฯ ให้หุ้น STARK ขึ้นเครื่องหมาย SP ตั้งแต่ 1 มี.ค. 2566
ทั้งนี้ ก.ล.ต. สั่งให้ STARK จัดให้มีผู้สอบบัญชีตรวจสอบเป็นกรณีพิเศษ หรือ special audit โดยต้องเป็นผู้สอบบัญชีจากบริษัท big4 เนื่องจากพบความผิดปกติ
แม้ว่าปัจจุบัน STARK แจ้งว่าสามารถส่งงบการเงินประจำปี 2565 ได้ภายใน 16 มิ.ย. 66 นี้ แต่หากครบกำหนดเลื่อนส่งงบ ทว่าบริษัทส่งงบไม่ได้จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง ?
แม้ผู้ถือหุ้นใหญ่เบอร์ 1 จะพยายามออกมาเคลียร์ข้อสงสัยต่างๆ แต่กลับไม่สร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนและผู้ที่เกี่ยวข้องได้เลย บ่งชี้จากล่าสุดที่ประชุมผู้ถือหุ้นกู้ยอมที่เสี่ยงแลกด้วยการไม่ยืดการผิดนัดชำระหนี้หุ้นกู้ตามที่บริษัทต้องการตามมติที่ประชุมผู้ถือหุ้นกู้เมื่อ 31 พ.ค. ที่ผ่านมา
ที่ให้หนี้หุ้นกู้หมายเลข STARK239A และ STARK249A ซึ่งมีเงินต้นค้างชำระรวมจำนวนทั้งสิ้น 2,241 ล้านบาท ให้บริษัทชำระคืนหนี้เงินต้นคงค้างทั้งหมดภายใต้หุ้นกู้ พร้อมดอกเบี้ย กรณีนี้ผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้จะต้องส่งหนังสือแจ้งมายังบริษัท ให้ชำระหนี้เงินตามหุ้นกู้ทั้งหมดซึ่งยังไม่ถึงกำหนดชำระ ภายใน 5 วันทำการนับแต่วันที่ที่ประชุมผู้ถือหุ้นกู้มีมติดังกล่าว
ทั้งนี้ การผิดนัดชำระหนี้หุ้นกู้ ดังกล่าว จะส่งผลให้หุ้นกู้อีก 3 ชุดได้แก่หุ้นกู้หมายเลข STARK245A STARK255A และ STARK242A ซึ่งมีเงินต้นค้างชำระรวมจำนวน 5,635.40 ล้านบาท เกิดการผิดนัดไปด้วย
ก่อนถูกตอกย้ำทางออกเหลือน้อยลงทุกที หลัง “ทริสเรทติ้ง” ลดอันดับเครดิตองค์กร STARK เป็น “D” เหตุผิดนัดจ่ายหนี้หุ้นกู้ และเป็นการปรับลดเรทติ้งครั้งที่ 2 ภายในวันเดียว เหตุบริษัทผิดนัดชำระดอกเบี้ยหุ้นกู้ หลังมติที่ประชุมผู้ถือหุ้นกู้ให้บริษัทชำระหนี้ทันที
และคำถาม ณ ปัจจุบัน ที่นักลงทุนสงสัยและต้องการคำตอบที่ชัดเจน คือ เงินของบริษัทไหลออกไปทางไหน และยังมีเงินอยู่จริงไหม รวมทั้งกระแสข่าวที่ว่าผู้บริการชุดเก่าหอบเงินหนีไปต่างประเทศนั้นจริงไหม !
เพราะตอนนี้หากจะพูดว่า หุ้น STARK กำลังตกอยู่ในสภาพล้มทั้งยืนก็คงไม่ผิด !!