ยิ่งขยายทีมงาน ยิ่งเพิ่มโอกาส หรือ นำไปสู่วิกฤติ !?

Part.1.ในอดีต…

การทำธุรกิจถึงจะมีการแข่งขันมาทุกยุคทุกสมัย แต่ก็พอจะคาดการณ์ได้ว่า จะเกิดผลอะไรบ้าง ถ้าทำตามแผน 1 แผน 2 หรือ แผน 3 เพราะสภาพแวดล้อม คู่แข่ง การเปลี่ยนแปลงไม่รวดเร็วและรุนแรงเหมือนในยุคปัจจุบันที่ เทคโนโลยี่และ Platform ครองและเปลี่ยนโลกอย่างเร็วและแรงเพิ่มขึ้นในทุกๆวัน

เมื่อต้องการเพิ่มยอดขายในอดีต ก็แค่สร้างออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ทำการตลาดแบบเดิมๆหรือรุกตลาดใหม่ๆที่ใหญ่ขึ้นทั้งในประเทศหรือต่างประเทศ

และเรื่องที่คิดเป็นสูตรง่ายๆแบบสูตรคูณ (ที่ปัจจุบันหลายๆที่ ยังคงคิดและทำแบบนี้อยู่) ก็คือ

การขยายทีมงาน ทั้งในส่วนที่ไม่เกี่ยวและส่วนที่เกี่ยวกับการขาย ด้วยตรรกะง่ายๆคือ เพิ่มทีมงานคือการเพิ่มโอกาส เพิ่มทีมงาน คือการเพิ่มยอดขาย และ การขยายธุรกิจคือการขยายโอกาส!

Part.2.กี่ธุรกิจแล้วที่ขยายการลงทุน / เพิ่มคน แล้วได้รับผลที่ไม่คาดคิด!?

ไม่ใช่การขยายการลงทุนหรือการเพิ่มคน เป็นสิ่งเลวร้ายเสมอไป หลายธุรกิจขยายการลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศจนประสบความสำเร็จทั้งระดับเจ้าสัวใหญ่และเจ้าของกิจการทั่วไป ก็มีให้เห็นเป็นกรณีศึกษาที่น่าทึ่งอยู่ไม่น้อย

แต่ประเด็นในวันนี้ เป็นมุมคิดที่น่าศึกษา ในกรณี การเพิ่มคน เพิ่มทีมงาน โดยมองเพียงมิติเดียว แต่ไม่ได้เพิ่มศักยภาพทีมงานเดิมและทีมงานใหม่ รวมทั้งไม่ได้วิเคราะห์สภาพแวดล้อมและการเปลี่ยนแปลงที่มาเปลี่ยนเกมในธุรกิจที่ตนเองทำ!

ผลก็คือ ยิ่งขยายการลงทุน ยิ่งเพิ่มคน สิ่งที่ตามมาคือการเพิ่มค่าใช้จ่ายประจำจำนวนมาก แต่ไม่ได้เพิ่มยอดขายตามที่คาดคิด

ตัวอย่างเช่น ไม่คาดคิดว่า Platform ทางการขายระดับโลก จะรุกเข้ามาครองตลาดการซื้อขายในไทยที่เปลี่ยนพฤติกรรมการซื้อขายของกลุ่มเป้าหมายในหลายๆธุรกิจเพิ่มมากขึ้นทุกวัน จากเดิมลูกค้าอาจคุ้นชินกับการซื้อขาย ติดต่อกับพนักงานขายที่มาพบ หรือที่จุดขาย

แต่ปัจจุบัน ลูกค้าแค่ใช้นิ้วในการซื้อขาย สินค้าก็มาส่งถึงบ้านแบบทันใจทั้งของกินของใช้

ในมิติของการขาย…..การเพิ่มทีมขาย อาจไม่ใช่การเพิ่มยอดขายในปัจจุบัน แต่การเพิ่มช่องทางการขาย โดยใช้เทคโนโลยี่ที่ควบคุมโดยคนที่มีความเชี่ยวชาญเพียงไม่กี่คน อาจเพิ่มยอดขายอย่างมหาศาลได้มากกว่า

Part.3.การเพิ่มคนการขยายธุรกิจ ง่าย….แต่ยากที่จะประสบความสำเร็จ!

ลองสังเกตดูสิครับ เวลาจะขยายธุรกิจ หรือขยายOffice เป็นเรื่องที่ง่ายและสนุก เพราะมองเห็นแต่โอกาส มองเห็นแต่สิ่งสวยงาม

เวลาจะเพิ่มคน ก็อาจจะยุ่งยากบ้างในช่วงการหา การสัมภาษณ์ แต่ก็แฝงไปด้วยบรรยากาศของความคึกคัก

ปัญหาจะเริ่มมาตอน ธุรกิจใหม่ๆหรือธุรกิจเดิมที่ขยายการลงทุน เริ่มพบกับทุนที่จมหายไปแต่ไม่สร้างรายได้กลับคืนมา (ซึ่งหลายธุรกิจในไทยเผชิญวิบากกรรมนี้ในหลายปีที่ผ่านมา โดยมีไม่ถึงครึ่งที่ผ่านมาได้ ส่วนมากประสบภาวะขาดทุนสะสม บ้างก็ล้มหายตายจาก บ้างก็ยังขาดทุนสะสมจนถึงปัจจุบัน)

ในบางธุรกิจ เพิ่มหรือขยายทีมขาย แต่สิ่งที่ตามมาก็คือ ปัญหาเรื่องคน! เช่นทีมขายส่วนมากที่เพิ่ม นอกจากไม่เพิ่มยอดขายแล้ว ยังสร้างปัญหาในเรื่อง ขาดวินัย ขาดความรับผิดชอบ ขาดความทุ่มเท ไปจนถึงขาดทักษะในการขายยุคปัจจุบันเป็นต้น

Part.4.ก่อนเพิ่มหรือขยายธุรกิจ ทำไมไม่ลองคิดก่อนว่า…

นอกเหนือจากการเพิ่มธุรกิจใหม่ๆ นอกเหนือจากการขยายธุรกิจเดิมในปัจจุบัน โดยการเพิ่มการลงทุนแล้ว จะมีวิธีใด ที่จะช่วยให้ธุรกิจเติบโต หรือ เพิ่มรายได้โดยไม่จำเป็นต้องลงทุนเม็ดเงินจำนวนมหาศาลบ้าง?

เช่น การOutsource แทนการลงทุนเอง หรือหาพันธมิตรที่เชี่ยวชาญมาเสริมกันและกันโดยไม่จำเป็นต้องลงทุนวันและเวลาจำนวนมาก แต่มีโอกาสขยายธุรกิจหรือสร้างรายได้ โดยมีความเสี่ยงน้อยกว่า เป็นต้น

Part.5.ก่อนเพิ่มทีมงาน ควรเพิ่ม Skill ของทีมงานที่มีในปัจจุบันน่าจะดีกว่ามั๊ย!?

ในส่วนของทีมงานเดิมของแต่ละหน่วยงาน… ทักษะอะไรบ้างที่แทบไม่ต้องใช้ หรือไม่ควรเสียเวลาไปใช้แล้วในยุคปัจจุบัน เพราะใช้แล้วไม่ได้ผล หรือใช้ ChatGPT แล้วช่วยทดแทนได้ดีกว่า

ในส่วนของทีมงานเดิมของแต่ละหน่วยงาน… ทักษะใหม่ๆอะไรบ้าง ที่ต้อง เติมเต็มอย่างเร่งด่วน และทักษะอะไรบ้าง ที่ควรต้องพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ทีมงานเดิม เพิ่มคุณค่าในงานที่ทำ

ในส่วนของทีมขายที่มีในปัจจุบัน มีกี่คนที่สร้างรายได้อย่างโดดเด่น มีกี่คนที่สร้างรายได้แค่พอใช้ได้ และมีกี่คนที่แทบไม่ได้สร้างรายได้เลย ทั้งหมดนี้ จะต้องเติมเต็ม ปรับเปลี่ยน Mind Set และเพิ่ม Skill Set ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นในเรื่องใดบ้าง โดยยังไม่จำเป็นต้องรีบเพิ่มทีมขายใหม่ เพราะถ้าเพิ่มทีมขายใหม่ๆ แต่ไร้ประสิทธิภาพ ก็คือการเพิ่มค่าใช้จ่ายโดยไม่ได้เพิ่มรายได้เลย!

เพราะฉะนั้น….การลงทุนที่ดีที่สุด เห็นผลที่สุด เสี่ยงน้อยที่สุด คือการลงทุนในการพัฒนาทีมงานที่มีในปัจจุบัน หลังจากนั้น ค่อยคิดในเรื่องการลงทุนเพิ่มในเรื่องอื่นๆครับ