เร่งฟื้นท่องเที่ยว "พัทยา" 3 แสนล้าน อัดอีเวนต์ถี่ สร้างแม่เหล็กดึงทัวริสต์
รายได้รวมการท่องเที่ยวของ “พัทยา” เมื่อปี 2562 สูงถึง 3 แสนล้านบาท! จากฐานนักท่องเที่ยวไทยและต่างชาติรวม 18 ล้านคน เป็นนักท่องเที่ยวไทย 8 ล้านคน ต่างชาติ 10 ล้านคน แน่นอนว่าเกือบ 3 ปี “วิกฤติโควิด-19” รายได้จากตลาดต่างประเทศหายไป
โดยเฉพาะ “จีน” และ “รัสเซีย” ซึ่งครองอันดับ 1 และ 2 ของตลาดชาวต่างชาติเดินทางมาเที่ยวพัทยาสูงสุด หน่วยงานรัฐและเอกชนต้องปรับกลยุทธ์ดึงตลาดใหม่ๆ
ปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์ นายกเมืองพัทยา กล่าวว่า สถานการณ์การฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยวเมืองพัทยาในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ ตั้งแต่เดือน ม.ค.-ก.ย. มี “นักท่องเที่ยวไทย” สะสม 6-7 ล้านคน มากกว่าช่วงเดียวกันของปี 2562 ก่อนโควิด-19 ระบาดด้วยซ้ำ! เนื่องจากยังไม่เดินทางออกไปเที่ยวต่างประเทศมากเท่าที่ควร โดยเลือกมาเที่ยวพัทยาเพราะเดินทางสะดวก ใกล้กรุงเทพฯ ส่งผลให้ธุรกิจโรงแรมในบางพื้นที่ของเมืองพัทยาฟื้นตัวดี เช่น โรงแรมติดชายหาด มีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยสูงถึง 80-90% โดยเฉพาะในช่วงวันหยุด
“ตลอดระยะเวลาเกือบ 3 ปีนับตั้งแต่เกิดวิกฤติโควิด-19 ผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวและบริการในพัทยาต่างปรับตัวรับนักท่องเที่ยวชาวไทย อย่างเช่นเกาะล้าน พบว่าได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวไทยมากขึ้น ขณะเดียวกันยังมีการสนับสนุนตลาดคนไทยเดินทางมาท่องเที่ยวและดูงานในเมืองพัทยา ในช่วงรอนักท่องเที่ยวต่างชาติฟื้นกลับมาเต็มรูปแบบ จากปัจจุบันที่เริ่มมีชาวต่างชาติเดินทางเข้ามาช่วงไฮซีซั่น เช่น อินเดีย เวียดนาม เกาหลี ไต้หวัน รวมถึงนักท่องเที่ยวจากตลาดยุโรป เช่น สหราชอาณาจักร”
ด้านภาพรวมตลาด “นักท่องเที่ยวต่างชาติ” มาพัทยาช่วง 9 เดือนแรก มีจำนวนสะสม 8 แสนคน ตลาดหลักอันดับ 1 ตอนนี้คือนักท่องเที่ยว “อินเดีย” ส่วนนักท่องเที่ยวจีนซึ่งเคยมีจำนวน 2 ล้านคน มาเที่ยวพัทยามากเป็นอันดับ 1 เมื่อปี 2562 สถานการณ์ตลาดยังมีความไม่แน่นอน! ต้องรอดูกระแสการเดินทางหลังรัฐบาลจีนผ่อนคลายมาตรการคุมโควิด-19 อย่างค่อยเป็นค่อยไป ล่าสุดประกาศลดวันกักตัวผู้เดินทางเข้าประเทศจีนในโรงแรมจาก 7 วัน เหลือ 5 วัน ขณะที่ตลาดนักท่องเที่ยวรัสเซียซึ่งเคยครองสัดส่วนมากเป็นอันดับ 2 ยังคงรอดีมานด์ฟื้นตัว หลังได้รับผลกระทบจากวิกฤติรัสเซีย-ยูเครน
“เมืองพัทยาพยายามกระตุ้นให้มีการจัดอีเวนต์ทุกเดือน สนับสนุนให้ภาคเอกชนจัดกิจกรรมต่างๆ เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ”
อาทิ “เทศกาลพลุนานาชาติเมืองพัทยา 2565” ระหว่างวันที่ 25-26 พ.ย. ซึ่งเป็น 1 ใน 3 งานเทศกาลที่ดีที่สุดในเอเชีย! รองรับผู้เข้าชมงานได้จำนวนมากจากรัศมีพื้นที่รับชมวงกว้าง ไม่ใช่เฉพาะบริเวณชายหาดพัทยา โดยปีนี้มีการออกบูธร้านค้าบนชายหาดกว่า 300 บูธ ล่าสุดได้รับรายงานว่ามีนักท่องเที่ยวจองโรงแรมติดชายหาดพัทยาในช่วงงานเทศกาลพลุฯเกือบเต็ม 100% แล้ว
นอกจากนี้ยังมี “วันเดอร์ฟรุ๊ต เฟสติวัล” สร้างสรรค์โดยบริษัท สแครทช์ เฟิร์สท์ จำกัด ตั้งแต่วันที่ 15-18 ธ.ค. บนพื้นที่ 400 ไร่ ณ เดอะฟิลด์ แอท สยามคันทรีคลับ พัทยา คาดมีผู้มาร่วมงาน 2.5 หมื่นคน เพื่อซื้อประสบการณ์แปลกใหม่ จากรูปแบบงานที่ไม่มีรูปแบบตายตัว ให้คนได้เข้าไปใช้ชีวิตเหมือนอยู่ในเมืองเมืองหนึ่ง
“งานอีเวนต์เป็นส่วนสำคัญที่ช่วยเพิ่มความหลากหลายแก่โปรดักต์ท่องเที่ยวของพัทยา นอกเหนือจากการเป็นแหล่งท่องเที่ยวชายทะเลที่มีชื่อเสียง และโดดเด่นเรื่องการท่องเที่ยวเชิงกีฬา (สปอร์ต ทัวริสซึ่ม) อยู่แล้ว ขณะเดียวกันเมืองพัทยาได้ผลักดันให้พื้นที่ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี เป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ (เมดิคัล ทัวริสซึ่ม) ตามนโยบายของโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) ควบคู่กับการดึงนักลงทุนและนักเดินทางเพื่อธุรกิจเข้าพื้นที่อีอีซี”
และในอนาคตกำลังจะมี “รถไฟความเร็วสูง” สายอนาคตแห่งภาคตะวันออก เชื่อม 3 สนามบิน ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา ปักหมุดสถานีพัทยา โดยทางเมืองพัทยาอยู่ระหว่างดำเนินโครงการรถไฟฟ้ารางเบา (Tram) ให้เป็นฟีดเดอร์ส่งต่อนักท่องเที่ยวเข้าเมืองพัทยาได้อย่างสะดวกขึ้น รวม 4 เส้นทาง สู่ปลายทางแหลมบาลีฮาย นี่คือแผนการที่เมืองพัทยาเตรียมรองรับไว้ และเพื่อให้ภาพนี้ชัดเจนขึ้น คงต้องหาภาคเอกชนมาลงทุนในรูปแบบการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน (Public-Private Partnership: PPP)
ด้านพื้นที่เชื่อมโยงต่างๆ เช่น ตลาดอาหารทะเลที่นาเกลือ ทางอีอีซีก็ให้ความสนใจอย่างมาก มีแนวโน้มร่วมมือกับเมืองพัทยา ยกระดับให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวชื่อดังเหมือนตลาดอาหารทะเลที่ประเทศญี่ปุ่น นอกจากนี้ยังมีอีกหลายโครงการที่เมืองพัทยาทำงานร่วมกับอีอีซี ผลักดันภาพลักษณ์ใหม่ของเมือง สู่การเป็น “นีโอ พัทยา” (Neo Pattaya)