‘อิชิตัน’ ไม่ควรมีแค่ชาเขียว เจาะแผนโกยยอด “หมื่นล้าน”ดัน Non-Tea ทำเงิน 25%
ภาษีความหวาน วิกฤติโควิด ฉุดแผน "หมื่นล้าน" สะดุด "อิชิตัน" ลุยใหม่ ปั้นเครื่องยนต์สร้างการเติบโต ใช้กำลังผลิตให้เกิดประโยชน์สูงสุด ออกน้ำอัดลมตันซันซูรสชาติใหม่ โซจู ไอศกรีมเลมอน นำทัพน้ำด่างเจาะตลาดตะวันออกกลาง ดัน Non-Tea ทำเงิน 25%
ความมุ่งมั่นในการผลักดันยอดขายเครื่องดื่ม โดยเฉพาะ “ชาเขียวพร้อมดื่ม” ภายใต้แบรนด์ “อิชิตัน” และเครื่องดื่มสมุนไพร “เย็นเย็น” รวมถึงสินค้าอื่นในพอร์ตโฟลิโอให้ทะยานสู่ “หมื่นล้านบาท” คือภารกิจแรกที่ ตัน ภาสกรนที ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้อำนวยการ บริษัท อิชิตัน กรุ๊ป จำกัด(มหาชน) ต้องการทำให้ประสบความสำเร็จภายใน 3-5 ปี หลังจากช่วงโควิด-19 ระบาด รวมถึงการเก็บภาษีความหวาน ทำให้เป้าหมายดังกล่าวต้องสะดุดลง
วิกฤติดับฝัน! แต่ไม่มีผลต่อนักธุรกิจที่เต็มไปด้วยเลือกนักสู้เต็มขั้นอย่าง “เสี่ยตัน” เนื่องจากการเจอปัญหา สารพัดอุปสรรค เป็นสิ่งที่ผู้ประกอบการ เจ้าของกิจการต้องต่างผ่านด่านมาแล้วทั้งสิ้น
“ช่วงที่เราปรับสูตร ต้องต่อสู้กับภาษีความหวาน วิกฤติโควิดระบาด อิชิตัน ยังสร้างยอดขายเติบโตได้ การเจอปัญหาเหมือนกับคนอื่น แต่ก็หาทางออกได้เหมือนกัน เราผ่านจุดลำบากสุดมาแล้ว มีเวลาจากนี้ก็สู้กันไป”
การมุ่งสู่ยอดขาย “หมื่นล้านบาท” กลยุทธ์การทำตลาดของ “อิชิตัน” ปรับหลายกระบวนท่า เริ่มจากผลิตภัณฑ์ ที่ยังคงมีชาเขียวพร้อมดื่มเป็นพระเอกทำเงิน ซึ่งมีการปรับสูตร เพื่อให้สอดคล้องกับภาษีความหวานระยะที่ 3 ตั้งแต่ 1 เม.ย.2566-31 มี.ค.2566
“เครื่องดื่มเรามีการปรับสูตร ลดน้ำตาล แต่ยังคงรสชาติให้โดนใจผู้บริโภค พร้อมกับเสียภาษีความหวานเท่าเดิม”
ใช้กำลังการผลิตให้คุ้ม กระจายทำตลาดโกยเงิน
อีกกุญแจสำคัญยังเป็นการใช้กำลังการผลิตให้คุ้ม เพื่อสร้างยอดขาย เพราะหนึ่งในต้นทุนที่โดนบันทึกแล้วคือค่าเสื่อม ดังนั้น บริษัทไม่เพียงผลิตเครื่องดื่มให้ได้มากสุด ยังรับจ้างผลิต(OEM)ให้กับแบรนด์อื่นด้วย ประเดิมปีนี้คือ น้ำมะพร้าวอีฟ(if) ของบริษัท เจเนอรัลเบฟเวอร์เรจ จำกัด เพื่อส่งออกไปยังตลาดจีน และน้ำมะพร้าวยี่ห้อ COCO Season และยังมีสินค้าจาก “เซ็ปเป้” ด้วย
เป้าหมายปี 2566 บริษัทจะใช้กำลังการผลิตให้แตะ 70% จากปีก่อนกำลังผลิตอยู่ที่ 60%
“ความสำคัญอยู่ที่การใช้กำลังการผลิตให้เกิดประโยชน์สูงสุด เพราะบริษัทหักค่าเสื่อมตั้งแต่ยอดขาย 5,000 ล้านบาท หากผลิตได้มากขึ้น ยอดขายเพิ่ม จึงทำให้กำไรเพิ่ม”
นอกจากนี้ บริษัทปรับแผนการทำตลาด ไม่โฟกัสเทงบก้อนโตเฉพาะไฮซีซั่นเท่านั้น แต่กระจายปั๊มยอดขายตลอดทั้งปี ตามจังหวะและโอกาส การปรับตัวดังกล่าว ทำให้ไตรมาส 4 ที่ผ่านมาบริษัทสร้างยอดขายชนะไฮซีซั่นไตรมาส 1-2
“การทำตลาดไม่ต้องรอเฉพาะหน้าร้อน ที่ทุ่มเงิน 200-300 ล้านบาท กระตุ้นยอดขาย เราต้องแบ่งเงิน แบ่งสรรพกำลังชิงตลาดทุกสินค้าทุกซีซั่น”
ตันซันซู น่านน้ำใหม่ลุยน้ำอัดลม
นอกจากนี้ ยังให้น้ำหนักการขยายตลาดสู่เครื่องดื่มที่ไม่ใช่ชาหรือ Non-Tea มากขึ้น ซึ่งพระเอกใหม่คือน้ำอัดลมสไตล์เกาหลี(K-Pop) ที่ล่าสุดมีการดึง “มาร์ค ต้วน” อดีตสมาชิกวง GOT7 มาเป็นพรีเซ็นเตอร์เดี่ยวให้แบรนด์ไทยครั้งแรก ซึ่งผลตอบรับจากเหล่าอากาเซ่ค่อนข้างดี และบริษัทตั้งเป้าหมายยอดขายที่ระดับ 500 ล้านบาท
ในปี 2566 “ตันซันซู” เตรียมเติมพอร์ตโฟลิโอสินค้าให้หลากหลาย ด้วยการออกรสชาติใหม่ “โซจู ไอศกรีมเลมอน” เข้าทำตลาดช่วงหลังสงกรานต์ โดยยังคงเอ็กซ์คลูสีฟขายผ่านช่องทางร้านสะดวกซื้อเซเว่นอีเลฟเว่น
สำหรับตลาดน้ำอัดลมมีมูลค่า 57,000 ล้านบาท แต่น้ำอัดลมใสสูตรไม่มีน้ำตาลปีที่ผ่านมามีมูลค่าราว 2,026 ล้านบาท หมุดหมายแรกที่ “ตันซันซู” กำลังแย่งเค้กสร้างการเติบโต
การใช้พรีเซ็นเตอร์ ไม่ได้มีแค่น้ำอัดลมสไตล์เกาหลี แต่ชาเขียวพร้อมดื่ม ก็ต้องมีแม่เหล็กเช่นกัน โดยแบรนด์ “ชิซึโอกะ” ที่ทำตลาดพรีเมียม มีการดึงนักมวยหนุ่มหล่อจากแดนอาทิตย์อุทัยอย่าง “โคตะ มิอุระ” มาเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ ในฐานะเป็นลูกหลานชาวเมืองชิซึโอกะนั่นเอง
น้ำด่างเจาะขุมทรัพย์ตะวันออกกลาง
3-5 ปีวางเป้าหมายหมื่นล้านบาท ส่วน 10 ปี จะผลักดันรายได้จากกลุ่มที่ไม่ใช่เครื่องดื่มชาหรือ Non-Tea ให้แตะ 25% นอกจากสินค้ากลุ่มใหม่ๆ บริษัทยังมองตลาดใหม่ต่อยอดการเติบโต
ที่ผ่านมา สินค้าของอิชิตัน บุกตลาดอินโดนีเซีย แม้มีช่วงเพลี่ยงพล้ำ อ่านตลาดพลาดด้วยการนำ “ชาเขียวพร้อมดื่ม” ไปสู้ยักษ์ในพื้นที่ แต่เมื่อปรับตัว จึงส่ง “ชาไทย” ไปหาเกมชนะให้ตัวเอง ซึ่งปัจจุบันสร้างการเติบโต ส่งกำไรกลับมาไทยต่อเนื่อง
บุกอินโดนีเซีย ประชากรกว่า 200 ล้านคน ไม่พอ ยังขยายสู่ฟิลิปปินส์ มีตลาดเชิงยุทธศาสตร์ในอาเซียนอย่าง กัมพูชา ลาว เมียนมาและเวียดนาม(CLMV) แต่ปี 2566 บริษัทจะส่ง “อิชิตัน น้ำด่าง” ลุยดินแดนเศรษฐีในตะวันออกกลาง นำร่องสหรัฐอาหรับเอมิเรสต์ ซึ่งกำลังลุ้นให้ผ่านด่าน อย.ในประเทศก่อน
หากบุกเบิกได้จะต่อยอดไป 9 ประเทศในตะวันออกกลางเพิ่มเติม
จากแผนดังกล่าว บริษัทตั้งเป้าหมายปี 2566 มียอดขาย 7,300 ล้านบาท เติบโต 15.3% มีกำไรขั้นต้นไม่ต่ำกว่า 20% และกำไรสุทธิ 10% ขณะที่ปี 2565 มียอดขาย 6,340.4 ล้านบาท เติบโต 21.3% และกำไรสุทธิ 641.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.3%
“แผน 10 ปี สิ่งแรกที่อยากเห็นคือยอดขายแตะหมื่นล้านบาทใน 3-5 ปี อนาคตอิชิตัน ไม่ควรมีแค่ชาเขียว เรามีตันซันซูน้ำอัดลมสไตล์เกาหลี มีน้ำด่าง และมีธุรกิจในต่างประเทศ แม้เราไม่ควรมีแค่เครื่องดื่ม แต่สิ่งสำคัญคือจะไม่สุ่มสี่สุ่มห้าลงทุน เพราะกำไรเรามีเท่านี้ ไม่อยากเอาเงินไปทิ้ง”