EDL-Gen มั่นใจผลการดำเนินงานปี 2566 โตก้าวกระโดด
บริษัท ผลิต-ไฟฟ้าลาว (มหาชน) หรือ EDL-Gen มั่นใจผลการดำเนินงานปี 2566 โตแบบก้าวกระโดด เผยปีนี้รับรู้รายได้เพิ่มอย่างน้อย 3 โครงการ เตรียมแผนบริหารจัดการปริมาณน้ำในเขื่อนรับกำลังการผลิตไฟฟ้าสะอาดส่งขายนอกประเทศ ฟื้นตัวเศรษฐกิจในภูมิภาคอาเซียน
ปี 2566 ทั่วโลกกำหนดเป้าหมาย Net Zero เพื่อ ลดโลกร้อน ทำให้ภาคพลังงาน โดยเฉพาะการใช้ไฟฟ้าในกระบวนการผลิตสินค้าและบริการของกลุ่มอุตสาหกรรม เป็นอีกหนึ่งกลไกสำคัญก้าวสู่เป้าหมาย ตอบรับเมกะเทรนด์อุตสาหกรรมสีเขียว
นายวันแสง วันนะวง กรรมการผู้จัดการ บริษัท ผลิต-ไฟฟ้าลาว (มหาชน) หรือ EDL-Gen ผู้นำการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าพลังงานน้ำรายใหญ่ของ สปป.ลาว กล่าวว่า ด้วยประสบการณ์มายาวนานกว่า 50 ปี ในการเป็นผู้พัฒนาและผลิตไฟฟ้าพลังงานน้ำ บริษัท ผลิต-ไฟฟ้าลาว (มหาชน) มีความเชี่ยวชาญในการพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำใน สปป.ลาว โดยมีทั้งโครงการที่ทาง EDL-Gen เป็นเจ้าของ (HPP) เอง 100% และโครงการที่ร่วมทุนกับภาคเอกชนในการพัฒนาโครงการ (IPP) ที่ช่วยสร้างความมั่นคงด้านพลังงานให้แก่ภูมิภาค ผ่านการทำสัญญาจำหน่ายไฟฟ้าในระยะยาวให้แต่ละประเทศ นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังสามารถให้บริการเกี่ยวกับการดำเนินงานซ่อมบำรุงเขื่อนอีกด้วย
EDL-Gen ถือเป็นผู้นำการผลิตไฟฟ้า พลังงานสะอาด ที่ยั่งยืนและมั่นคงในภูมิภาคนี้ สอดคล้องกับสัญญาการจำหน่ายไฟฟ้าของ สปป.ลาว ภายใต้กรอบความร่วมมือ MOU ของการซื้อไฟฟ้าระหว่างประเทศ แบ่งเป็นประเทศไทย 10,500 เมกะวัตต์ ถือว่าสูงสุดในขณะนี้ นอกจากนี้ยังมี กัมพูชา 6,000 เมกะวัตต์ เวียดนาม 5,000 เมกะวัตต์ เมียนมาร์ 600 เมกะวัตต์ มาเลเซีย 300 เมกะวัตต์ และสิงค์โปร์ 100 เมกะวัตต์ และอยู่ระหว่างศึกษาความเป็นไปได้ในการขายไฟฟ้าให้แก่สิงคโปร์เพิ่มเติม 4,000 เมกะวัตต์ และความเป็นไปได้ในการขายไฟฟ้าไปยังประเทศจีนตอนใต้ ภายใต้สัญญาแลกเปลี่ยนพลังงานระหว่างประเทศอีกด้วย
"แนวโน้มความต้องการพลังงานในภูมิภาค โดยเฉพาะกลุ่มอาเซียนในเขตภูมิภาคลุ่มน้ำโขง (CLMV) เพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะเวียดนามและกัมพูชา อนาคตคาดปริมาณอาจจะเทียบเท่าหรืออาจมากกว่าไทย เนื่องจากหลายประเทศกลุ่มอุตสาหกรรมย้ายฐานการผลิตสินค้าไปที่เวียดนาม"
นายวันแสง กล่าวต่อว่า การดำเนินธุรกิจ EDL-Gen ได้ทำสัญญาซื้อขายไฟในลักษณะสัญญาระยะยาว สอดรับสัมปทานที่ได้รับจากรัฐบาล สปป.ลาว อยู่ที่ 25-30 ปี ซึ่งในประเทศไทยดำเนินธุรกิจซื้อขายไฟตั้งแต่ปี ค.ศ.1969 โดยธุรกิจไฟฟ้าพลังงานน้ำอาศัยปัจจัยหลักคือ ฤดูฝน ซึ่งปีที่ผ่านมาถึงแม้ฝนอาจมีปริมาณไม่มากเท่ากับ 4-5 ปีก่อน แต่การที่ฝนมาเร็วและสม่ำเสมอ ทำให้มีน้ำในการผลิตไฟฟ้าที่ยาวกว่า จากปกติ 1 ปี ราว 4-5 เดือน เมื่อฝนมาเร็วทำให้ระยะเวลายาวขึ้นเป็น 6-7 เดือน ซึ่งปีที่ผ่านมามีการขายไฟเพิ่มขึ้นมากกว่าปี 2564
"เราจะบริหารความเสี่ยงโดยการมีเขื่อนอยู่ทั่วภูมิภาค เพราะบางพื้นที่สภาพภูมิอากาศไม่เหมือนกัน สามารถลดความเสี่ยงของการผลิตในแต่ละภูมิภาค บวกกับการวิเคราะห์สภาพภูมิอากาศของทั่วโลก ว่าฝนที่ตกต้องตามฤดูกาลเป็นอย่างไร หรือจะมีพายุปริมาณเท่าไร เพื่อนำมาปรับแผนการเดินเครื่องที่จะผลิตไฟฟ้าให้มีความสมดุลกับสัญญาการซื้อขายไฟกับผู้ซื้อเช่นกัน โดยคาดว่าปีนี้จะยังมีกำลังการผลิตอยู่ในเกณฑ์ดีเหมือนปีที่ผ่านมา"
นายวันแสง กล่าวต่อไปว่า ข้อดีของโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำ เป็น พลังงานสะอาด ที่มีต้นทุนถูกเมื่อเทียบกับโรงไฟฟ้าประเภทอื่นๆ และสอดคล้องกับเทรนด์ของโลก อีกทั้งมีความคล่องตัวในการเดินเครื่องและบริหารจัดการในกระบวนการผลิตง่าย สามารถกำหนดสัดส่วนการันตีปริมาณการซื้อขายไฟได้
"โรงไฟฟ้าพลังงานน้ำ โรงไฟฟ้าพลังงานลม และโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ใช้วัตถุดิบการผลิตกระแสไฟฟ้าจากธรรมชาติ แต่โรงไฟฟ้าพลังงานลมไม่สามารถกักเก็บลมได้เหมือนโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำที่อาจมีเขื่อนกักเก็บน้ำไว้ใช้ผลิตพลังงานได้ รวมถึงหากลมไม่แรงพอก็อาจจะไม่สามารถนำมาใช้ผลิตกระแสไฟฟ้าได้ พลังงานแสงอาทิตย์ผลิตได้วันละ 5-6 ชั่วโมง ขณะนี้ ฝุ่น PM2.5 ยังเป็นปัญหาต่อปริมาณแสงอาทิตย์ ทำให้ไม่สามารถผลิตกระแสไฟได้อย่างสม่ำเสมอ อีกทั้งเทคโนโลยีในการกักเก็บพลังงานยังมีต้นทุนที่สูง ต้นทุนค่าไฟก็จะสูงไปด้วย ดังนั้นจึงมองว่าปัจจุบันพลังงานน้ำยังเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด ทั้งต้นทุน ความแน่นอน ความยั่งยืนมากกว่าพลังงานทดแทนตัวอื่น"
นายวันแสง ยังกล่าวต่อว่า ตลอดระยะเวลาดำเนินงานที่ผ่านมา บริษัทฯ มีการเติบโตอย่างก้าวกระโดด โดยรายได้ปี 2565 อยู่ที่ประมาณ 5,403 ล้านบาท ซึ่งเป็นการทำรายได้สูงที่สุดตั้งแต่เริ่มต้นบริษัทฯ เพิ่มขึ้น 25.5% เมื่อเทียบกับปี 2564 แบ่งเป็นรายได้จากการขายกระแสไฟฟ้าให้กับ EDL จากโครงการ HPP เอง 47% และ 53% เป็นรายได้ที่มาจากการลงทุนกับโครงการ IPP โดย EDL-Gen มีโครงการที่เปิดดำเนินการแล้วจำนวน 28 โครงการ กำลังการผลิตไฟฟ้าติดตั้งรวม 1,790 เมกะวัตต์ แบ่งเป็นโครงการที่ EDL-Gen เป็นเจ้าของและพัฒนาโครงการเอง (HPP) จำนวน 10 โครงการ กำลังการผลิต 699 เมกะวัตต์ และโครงการร่วมทุน IPP จำนวน 18 โครงการ กำลังการผลิต 1,091 เมกะวัตต์ ซึ่งจากรายได้ที่เพิ่มขึ้นในปี 2565 ส่งผลให้บริษัทฯ มีกำไรสุทธิที่เพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน
ส่วนแนวโน้มการดำเนินงานในปีนี้ นายวันแสงคาดว่าจะเติบโตได้ดีต่อเนื่องจากปัจจัยการรับรู้รายได้จากโครงการใหม่ที่ทาง EDL-Gen เป็นเจ้าของและดำเนินการเองเพิ่มขึ้นอีก 3 โครงการ และสินทรัพย์ที่อยู่ระหว่างการพัฒนาในโครงการร่วมทุน IPP ซึ่งจะไม่มีภาระค่าใช้จ่าย เป็นต้น นอกจากนั้นยังพบว่า ศักยภาพและความสามารถการผลิตไฟฟ้าจากเขื่อนสปป.ลาว มีกว่า 30,000 เมกะวัตต์ ซึ่งปัจจุบันที่พัฒนาและเดินเครื่องอยู่ระดับกว่า 10,000 เมกะวัตต์ และบริโภคเองในประเทศหลักพันเมกะวัตต์เท่านั้น ซึ่งศักยภาพของสปป.ลาว สามารถเพิ่มกำลังการผลิตไปได้ถึง 30,000 เมกะวัตต์ ซึ่งต้องใช้เวลาและเงินทุน โดยที่ผ่านมาบริษัทฯ จึงมีการระดมทุนผ่านตลาดหุ้นกู้ในประเทศไทย ด้วยการออกหุ้นกู้เป็นสกุลเงินบาท และสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ เพื่อนำเงินไปลงทุนในโครงการใหม่รองรับความต้องการใช้พลังงานไฟฟ้าตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นโครงการร่วมลงทุนกับภาคเอกชน (IPP) และบางส่วนนำไปรีไฟแนนซ์หุ้นกู้ชุดเดิม
"การดำเนินธุรกิจในปี 2566 นี้ จะคล้ายกับปีที่ผ่านมา ที่เน้นการรีไฟแนนซ์หุ้นกู้เดิมที่จะครบกำหนด เพราะการลงทุนพัฒนาโครงการต้องใช้เวลาในช่วงก่อสร้าง 3-4 ปี และใช้เวลาในการดำเนินการคืนกำไรไม่ต่ำกว่า 6-8 ปี ดังนั้นการหาแหล่งเงินทุนระยะสั้นอาจจะไม่เหมาะจึงต้องรีไฟแนนซ์จนกว่าสินทรัพย์นั้นจะคืนทุนและให้ผลกำไรที่คุ้มค่าเพียงพอที่จะนำไปชำระหุ้นกู้"
นายวันแสง กล่าวทิ้งท้ายถึงปัจจัยอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราระหว่างประเทศในช่วงที่ผ่านมา ถือว่ามีผลกระทบบ้าง เนื่องจากบริษัทฯ ได้จัดทำงบการเงินเป็นสกุลเงินกีบ การนำเสนองบการเงินแต่ละครั้งจะมีการรับรู้ความผันผวนในอัตราแลกเปลี่ยน อย่างไรก็ตาม แหล่งรายได้มากถึง 53% ซึ่งเป็นรายได้จากการลงทุนกับโครงการ IPP เป็นสกุลเงินต่างประเทศ แบ่งเป็นสกุลเงินดอลลาร์ 34% และสกุลเงินบาท 19% จะถูกนำมาชำระคืนหนี้ส่วนที่เป็นสกุลเงินต่างประเทศ เช่น หนี้จากโครงการ หรือหนี้หุ้นกู้บริษัทฯ รวมถึง EDL-Gen ได้มีการวางกลยุทธ์เน้นการเพิ่มรายได้จากสกุลเงินต่างประเทศจากการขยายการส่งออกไฟฟ้าไปยังต่างประเทศมากขึ้น ซึ่งนอกจากจะช่วยเพิ่มโอกาสในการขายไฟฟ้าแล้วจะช่วยให้บริษัทฯ สามารถลดความเสี่ยงต่อค่าเงินกีบที่ผันผวนได้ระดับหนึ่งอีกด้วย