‘ซูเปอร์ โบวล์ 2024’ ศึกคนชนคนสุดที่ร้อนทะลุสนาม
สุดยอดเกมคนชนคน ซูเปอร์ โบวล์ 2024 กำลังจะเวียนกลับมาอีกครั้งในเช้าวันจันทร์ที่ 12 กุมภาพันธ์นี้
‘ซูเปอร์ โบวล์ 2024’ นอกเหนือจากเรื่องของการชิงชัยกันในสนามที่จะเป็นการพบกันอีกครั้งระหว่างแคนซัส ซิตี ชีฟส์ แชมป์เก่ากับคู่ปรับที่เคยเจอกันมาในปี 2020 อย่างซานฟรานซิสโก โฟร์ตีไนเนอร์สแล้ว ความเป็น ซูเปอร์ โบวล์ ยังมีอะไรที่มากกว่าเรื่องราวในสนามอีกหลายอย่าง
โดยเฉพาะเรื่องราวของธุรกิจที่นอกจากคนจะเฝ้าจับตามอง โฆษณาพักครึ่งซูเปอร์ โบวล์ ที่เป็นสปอตโฆษณาที่มีราคาแพงที่สุดในโลก ตกวินาทีละ 8.3 ล้านบาทแล้ว ยังมีเรื่องของผลกระทบทางเศรษฐกิจด้วย เพราะในปีนี้เมืองที่รับหน้าเสื่อเจ้าภาพคือ “Sin City” ลาส เวกัส ที่ไม่เคยเป็นเจ้าภาพจัดรายการนี้มาก่อน
พลานุภาพของ ซูเปอร์ โบวล์ ครั้งที่ 58 จะรุนแรงแค่ไหน?
สปอตโฆษณาแพงที่สุดแต่ขายหมด
อย่างที่บอกไปข้างต้นว่า สปอตโฆษณา ซูเปอร์ โบวล์ นั้นถือว่าเป็นโฆษณาที่มีราคาแพงมากที่สุดในโลก
ถึงแม้ว่าในปี 2024 นี้ราคาไม่ได้ปรับขึ้นจากปี 2023 โดยยังหยุดอยู่ที่ 7 ล้านดอลลาร์ (250 ล้านบาท) ต่อ 30 วินาที แต่เมื่อเทียบกับเมื่อ 10 ปีที่แล้วตัวเลขมีการปรับขึ้นจากเดิมมากพอสมควร แต่กระนั้นโฆษณาถูกซื้อหมดเกลี้ยงในระยะเวลาอันรวดเร็ว
ที่เป็นเช่นนั้นเพราะการโฆษณาในซูเปอร์ โบวล์ หมายถึงโอกาสที่จะได้ขายของต่อหน้าผู้ชมใน 190 ประเทศทั่วโลกที่มีจำนวนมากมายมหาศาลถึง 200 ล้านคน
โดยในจำนวนนี้ 60 เปอร์เซ็นต์คือแฟนอเมริกันฟุตบอลในสหรัฐอเมริกา นอกเหนือจากคนที่อยู่ในสนามเรือนแสนแล้ว ยังมีอีกมากกว่า 110 ล้านคนที่ชมการถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์ ไม่ว่าจะดูอยู่ที่บ้าน ออกไปในสปอร์ตบาร์ หรือไปตามงานอีเวนต์ต่างๆ
ดังนั้นถึงจะต้องจ่ายมากแค่ไหน แบรนด์ต่างๆก็พร้อมที่จะทุ่มเงินเพื่อซื้อช่วงเวลาสั้นๆที่จะได้สื่อสารกับคนทั้งอเมริกาและคนทั้งโลกอยู่ดี
ความแตกต่างตามยุคสมัยอยู่ที่แบรนด์เองก็มีการปรับตัวเพื่อให้สอดคล้องกับยุคสมัยใหม่ที่สื่อไม่ได้มีจำกัดแค่โทรทัศน์ วิทยุ หรือหนังสือพิมพ์แล้ว แต่มีโซเชียลมีเดียที่ทรงอิทธิพลอย่างมาก ทำให้ต้องคิดกลยุทธ์ใหม่ๆ ซึ่งก็มีตั้งแต่การปล่อยทีเซอร์เป็นตัวอย่างว่าเดี๋ยวจะมีโฆษณาในซูเปอร์ โบวล์ให้จับตาดูนะ
ไปจนถึงการลงพื้นที่จัดงานอีเวนต์เพื่อสร้าง “ประสบการณ์” ให้แก่กลุ่มลูกค้าด้วย เพื่อจะได้จดจำแบรนด์ในแบบที่แบรนด์อยากให้จดจำ
เงินกำลังจะหมุนไปในซูเปอร์โบวล์
หอการค้าสหรัฐอเมริกา มีการพยากรณ์ว่า ซูเปอร์ โบวล์ ครั้งนี้จะมีการทำลายสถิติยอดการใช้จ่ายสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์
อ้างอิงจากการสำรวจของ National Retail Federation พบว่าชาวสหรัฐฯที่เป็นผู้ใหญ่มากกว่า 200 ล้านคนมีแผนที่จะชม การแข่งขันซูเปอร์ โบวล์ ซึ่งจำนวนตัวเลขนี้ถือว่าเกินกว่าครึ่งของจำนวนประชากรในสหรัฐฯ
ในจำนวนนี้เกินครึ่งระบุว่าจะจัดปาร์ตี้ชมการแข่งขันเอง หรือไปร่วมงานปาร์ตี้ของคนอื่น ขณะที่อีก 16 ล้านคนบอกว่าจะไปชมการแข่งขันในบาร์หรือตามร้านอาหาร
เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องที่ดีต่อเศรษฐกิจอย่างมาก ซูเปอร์ โบวล์จะทำให้เกิดการกระตุ้นการใช้จ่ายไม่ว่าจะเป็นอาหาร เครื่องดื่ม เสื้อผ้า เครื่องประดับสถานที่สำหรับงานปาร์ตี้ หรืออะไรก็ตามที่เกี่ยวข้องกับการแข่งขัน
เบ็ดเสร็จแล้วคาดว่าจะมีการใช้จ่ายสะพัดถึง 1.73 หมื่นล้านดอลลาร์ (6.18 แสนล้านบาท) เลยทีเดียวซึ่งมากกว่าปีกลายที่มีการสำรวจไว้ว่าเงินสะพัด 1.3 หมื่นล้านดอลลาร์ (4.6 หมื่นล้านบาท)
ในจำนวนนี้จะมีเม็ดเงินกลับมาในเศรษฐกิจของเมืองลาส เวกัส มากกว่า 500 ล้านดอลลาร์เลยทีเดียว เพราะคาดว่าจะมีแฟนๆมากกว่า 150,000 คนเดินทางมาเพื่อชมการแข่งขันหรือซึมซับบรรยากาศ ซึ่งประเมินว่าแฟนๆกลุ่มนี้จะใช้จ่ายถึง 215 ล้านดอลลาร์ สหรับค่าที่พักและอาหารรวมถึงของที่ระลึกจากการแข่งขันด้วย
“Halftime Show” Usher กับ Taylor Swift
อีกหนึ่งสีสันที่น่าจับตามองสำหรับซูเปอร์ โบวล์ทุกปีก็คือการแสดงในช่วงพักครึ่งเวลาหรือ “Halftime Show”
ปีนี้ Usher นักร้องซูเปอร์สตาร์ R&B ได้รับเกียรติให้ขึ้นโชว์ในสนามแอลล์ไจแอนท์ สเตเดียม ซึ่งรายละเอียดของโชว์ยังไม่มีการเปิดเผยออกมา แต่ขึ้นชื่อว่าการแสดงช่วงพักครึ่งแล้วต้องดีที่สุดเท่านั้น
สิ่งที่น่าสนใจคือ Usher จะไม่ได้รับค่าตัวในการแสดงครั้งนี้ เพราะตามธรรมเนียมแล้ว NFL จะไม่มีงบค่าตอบแทนให้แก่ศิลปินที่ขึ้นโชว์ จะมีเพียงแค่งบประมาณสำหรับการเตรียมการแสดง แสงสีเสียง งานโปรดักชันต่างๆเท่านั้น
แต่เรื่องค่าตัวไม่ใช่ประเด็นสำหรับศิลปินเหล่านี้ เพราะสิ่งตอบแทนที่พวกเขาจะได้มากยิ่งกว่าคือการได้แสดงให้ผู้ชมกว่า 110 ล้านคนในสหรัฐอเมริกา และ 200 ล้านคนจาก 190 ประเทศทั่วโลกได้ดูแบบเน้นๆเป็นเวลานานถึง 13 นาที
ลองคำนวนมูลค่าคร่าวๆแล้ว ถ้าสปอตโฆษณา 30 วินาทีมีราคา 7 ล้านดอลลาร์ ศิลปินเหล่านี้ได้ air time มูลค่ามหาศาลถึงกว่า 182 ล้านดอลลาร์เลยทีเดียว ซึ่งที่ผ่านมาใครได้ขึ้นโชว์ก็จะมีจำนวนคนติดตามผลงานเยอะขึ้นอีกมากมายมหาศาลแบบการันตีได้
อย่างไรก็ดี Usher ไม่ได้เป็นศิลปินคนเดียวที่ถูกจับตามอง เพราะยังมี Taylor Swift ศิลปินสาวเบอร์หนึ่งของโลกที่คบหาอยู่กับ ทราวิส เคลซี ผู้เล่นดาวดังของทีมแคนซัส ซิตี ชีฟส์ ว่าจะเดินทางกลับมาให้กำลังใจแฟนหนุ่มทันเวลาหรือไม่ เนื่องจากยังติดภารกิจในระหว่างการเดินทางทัวร์คอนเสิร์ตที่ประเทศญี่ปุ่น
เรื่องนี้ร้อนถึงขั้นสถานทูตญี่ปุ่นต้องออกมาร่วมเกาะกระแสยืนยันว่าถ้าแสดงจบแล้วเดินทางเร็ว ก็จะกลับมาทันอย่างแน่นอน
พรสวรรค์ vs. พรแสวง
แน่นอนว่ายังมีเรื่องราวของการแข่งขันในสนามที่เป็นหัวในของ ซูเปอร์ โบวล์ เพราะหากเกมไม่สนุกก็ย่อมไม่มีใครสนใจดูยาวนานจนจัดการแข่งขันมาเป็นปีที่ 58
คนที่ถูกจับตามองย่อมหนีไม่พ้นพาทริก มาโฮมส์ ควอเตอร์แบ็กหมายเลขหนึ่งของ NFL ในปัจจุบันที่ก้าวขึ้นมาแทนที่ของทอม เบรดี ตำนานตลอดกาลที่ (ยอม) อำลาวงการไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ควอเตอร์แบ็กอัจฉริยะรายนี้คือคนที่พาชีฟส์ เข้าชิงซูเปอร์ โบวล์ ได้ถึง 4 จาก 5 ครั้งหลังสุด และคว้าแชมป์ได้ 2 ครั้งในปี 2019 ซึ่งก็เป็นการเอาชนะโฟร์ตีไนเนอร์สได้อย่างสุดระทึกเพราะมาไล่แซงเอาในช่วงควอเตอร์สุดท้าย และในปีล่าสุดก็ทำแบบเดียวกันแซงชนะฟิลาเดลเฟีย อีเกิลส์ได้ในควอเตอร์สุดท้าย
ถ้ามาโฮมส์จะมาวินอีกในปีนี้ ก็จะทำให้เป็นนักกีฬาอายุน้อยที่สุดที่คว้าแหวนแชมป์ได้ 3 วง (ก่อนอายุครบ 30 ปี) และจะทำให้เส้นทางของเขายิ่งน่าสนใจขึ้นไปอีกเพราะสถิติสูงสุดตอนนี้คือทอม เบรดี ที่ได้แชมป์ 7 สมัยจากการเข้าชิง 10 ครั้ง
แต่ในอีกฟากนั้น เรื่องราวของบร็อก เพอร์ดี ควอเตอร์แบ็กตัวเก่งของซานฟรานซิสโก โฟร์ตีไนเนอร์สก็น่าประทับใจเช่นเดียวกัน
เพอร์ดี ไม่ได้เป็นซูเปอร์สตาร์มาแต่กำเนิดเหมือนมาโฮมส์ และเป็นควอเตอร์แบ็กที่ถูกดราฟต์ (เลือกเข้าทีม) เป็นคนสุดท้ายในปี 2022 จนได้รับการตั้งสมญาว่า “คนที่พึ่งพาไม่ได้” แต่กลับกลายเป็นว่าเขามีส่วนในการช่วยทำให้ไนเนอร์สเป็นทีมที่ดีขึ้น
ในยุคที่คนเชิดชูควอเตอร์แบ็กที่มีความพิเศษทางร่างกายและทำอะไรได้มากกว่าการขว้างบอลแบบในอดีต เพอร์ดีคือตัวแทนของคำว่าควอเตอร์แบ็กดั้งเดิมที่ถูกต้อง และเป็นตัวแทนของคนที่มีพรแสวงด้วย
นี่จึงเป็นการดวลกันที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง ส่วนผลจะออกมาเป็นอย่างไรนั้นไม่เกินเที่ยงวันที่ 12 นี้รู้เรื่องแน่นอน!
อ้างอิง
