นีโอ คอร์ปอเรท คอนซูเมอร์โปรดักส์ไทย ชี้ตลาดรวมสินค้าอุปโภคบริโภคปีนี้โต
'นีโอ คอร์ปอเรท' ประเมินตลาดสินค้าอุปโภคชั้นนำของประเทศไทย ในปี 2567 ยังขยายตัว ลุ้นนโยบายภาครัฐออกมาร่วมกระตุ้นเศรษฐกิจในครึ่งปีหลัง กระตุ้นตลาดโตต่อเนื่อง
นายสุทธิเดช ถกลศรี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท นีโอ คอร์ปอเรท จำกัด (มหาชน) (NEO) ผู้ทำการตลาด ผลิตและจัดจำหน่ายสินค้าอุปโภคของประเทศไทย ฉายภาพรวมตลาดสินค้าอุปโภคบริโภคในปี 2567 มีแนวโน้มขยายตัวดีขึ้น ตามแนวโน้มการท่องเที่ยวของประเทศไทยที่กำลังฟื้นตัว รวมถึงอยู่ในช่วงก่อนเกิดเหตุการณ์โควิด และภาครัฐบาลมีนโยบายในการกระตุ้นเศรษฐกิจ ทำให้ภาพรวมตลาดสินค้าอุปโภคบริโภคมีการขยายตัวมากขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง
“แนวโน้มสินค้าอุปโภคบริโภคมีการขยายตัวที่ดีมากขึ้น มาจากทั้งธุรกิจท่องเที่ยว ภาครัฐที่มีนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ และออกมาตการต่างๆ ร่วมกระตุ้นสร้างความเชื่อมั่นในการใช้จ่าย ทั้งการลดค่าครองชีพ นโยบาย Easy e-Receipt และมาตรการอื่นๆ โดยประเมินว่าจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง ทำให้ภาครวมอุตสาหกรรมสินค้าอุปโภคเติบโต”
แผนกลยุทธ์การขับเคลื่อนธุรกิจของบริษัทในปี 2567 เน้นการยึดหลักลูกค้าเป็นศูนย์กลาง (Customer Centric) และความเข้าใจถึงความต้องการของลูกค้าในเชิงลึก (Customer Insights) ผ่านการทำวิจัยตลาด เพื่อให้สามารถเข้าถึงพฤติกรรมของผู้บริโภค นำมาพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ทำให้ตอบสนองกับความต้องการของกลุ่มลูกค้า รวมถึงมุ่งหาโอกาสสร้างการเติบโต เพื่อทำให้ผลิตภัณฑ์มีความแตกต่างจากแบรนด์อื่นๆ โดยไม่ได้เน้นกลยุทธ์ด้านราคาหรือโปรโมชัน
“บริษัทมีความเชี่ยวชาญในตลาดสินค้าอุปโภคมากว่า 34 ปี พร้อมวางแนวทางสู่การเป็นบริษัท FMCG แห่งนวัตกรรมของเอเชีย ที่ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับผู้บริโภค ผ่านการขับเคลื่อนธุรกิจด้วยการสร้างสรรค์นวัตกรรมและผลิตภัณฑ์ใหม่"
ภาพรวมในปัจจุบันบริษัท มีสินค้าอุปโภคครอบคลุมกลุ่มผลิตภัณฑ์หลัก 3 กลุ่ม ทั้ง กลุ่มผลิตภัณฑ์ของใช้ในครัวเรือน (Household Products) กลุ่มผลิตภัณฑ์ของใช้ส่วนบุคคล (Personal Care Products) และกลุ่มผลิตภัณฑ์ของใช้สำหรับเด็ก (Baby and Kids Products)
สำหรับภาพรวมในปีที่ผ่านมา บริษัทมีผลิตภัณฑ์ที่ปรับปรุงและออกใหม่จำหน่ายได้ ประมาณ 500 รายการ (SKUs) จากทีมวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ พร้อมกำหนดราคาที่แข่งขันได้ ทำให้มีผลิตภัณฑ์ได้รับตอบรับที่ดีจากกลุ่มลูกค้า ทั้งตลาดผู้บริโภคส่วนใหญ่ (Mass Market) กลุ่มพรีเมียมแมส (Premium Mass) และพรีเมียม (Premium)
ขณะที่ผลผลการดำเนินงานในปี 2566 บริษัทสร้างยอดขายรวม 9,484 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.3% และกำไรสุทธิ 840 ล้านบาท เติบโต 47.6% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า โดยมีปัจจัยหนุนจากสินค้าหลัก ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ซักผ้า ผลิตภัณฑ์ปรับผ้านุ่ม โรลออน และผลิตภัณฑ์อื่นๆ หลายรายการ ในทุกช่องทางการจำหน่ายทั้งในประเทศและต่างประเทศ