‘กรุงเทพธุรกิจ-ฐานเศรษฐกิจ-โพสต์ทูเดย์’ พลิกวงการ! เพิ่มฟีเจอร์อ่าน-ฟังข่าวภาษา ‘ไทย-อังกฤษ-จีน’ เริ่ม 1 พ.ค.67

‘กรุงเทพธุรกิจ-ฐานเศรษฐกิจ-โพสต์ทูเดย์’ พลิกวงการ! เพิ่มฟีเจอร์อ่าน-ฟังข่าวภาษา ‘ไทย-อังกฤษ-จีน’ เริ่ม 1 พ.ค.67

3 สื่อเศรษฐกิจชั้นนำของไทย “กรุงเทพธุรกิจ-ฐานเศรษฐกิจ-โพสต์ทูเดย์” สร้างปรากฏการณ์ใหม่เปิดให้อ่านและฟังข่าวบนเว็บไซต์ได้ถึง 3 ภาษา “ไทย-อังกฤษ-จีน” ตอบรับเทรนด์ AI ให้ทั่วโลกติดตามความเคลื่อนไหวของไทยได้แบบไม่ต้องผ่านตัวกลาง เริ่มเปิดใช้งาน 1 พฤษภาคม 2567

KEY

POINTS

  • กรุงเทพธุรกิจ ฐานเศรษฐกิจ และโพสต์ทูเดย์ จะเริ่มใช้ AI แปลภาษาไทย เป็นภาษาอังกฤษ และภาษาจีน เพื่อเปิดโอกาสให้ชาวต่างชาติเข้าถึงข่าวสารสำคัญของไทย
  • การเพิ่มฟีเจอร์แปลภาษาเข้ามา ยังช่วยสร้างความน่าสนใจ และ สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับเว็บไซต์ รวมถึงจะสามารถรักษาคนอ่านให้อยู่บนเว็บได้นานยิ่งขึ้นด้วย
  • ความเคลื่อนไหวนี้มีขึ้นหลังจาก “เนชั่นทีวี” สร้างปรากฏการณ์ใหม่เปิดตัว “ณัชชา” และ “ณิชชาน” ผู้ประกาศข่าว AI รายแรกของประเทศไทย

“เนชั่น กรุ๊ป” ตอกย้ำผู้นำสื่อไทยที่พร้อมขี่คลื่น AI ทันทุกกระแสเทคโนโลยี ภายหลังจาก “เนชั่นทีวี” สร้างปรากฏการณ์ใหม่เปิดตัว “ณัชชา” และ “ณิชชาน” ผู้ประกาศข่าว AI รายแรกของประเทศไทย จนเกิดกระแสไวรัลไปแล้วนั้น

ล่าสุดถึงคราวของ “กรุงเทพธุรกิจ-ฐานเศรษฐกิจ-โพสต์ทูเดย์” ซึ่งเป็น “3 สื่อเศรษฐกิจ” ชั้นนำของไทยในเครือเนชั่น ประกาศเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ ให้ชาวต่างชาติสามารถอ่านเว็บไซต์ของทั้ง 3 สื่อได้ถึง 3 ภาษา คือ ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ และภาษาจีน

นายสมชาย มีเสน รองประธานกรรมการบริหาร เนชั่น กรุ๊ป เปิดเผยถึงแผนงานในครั้งนี้ว่า ด้วยเทคโนโลยีต่างๆ ทำให้โลกวันนี้ไร้พรมแดนในการเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร อย่างไรก็ตาม เนื่องจากที่ผ่านมายังมีข้อจำกัดด้านภาษา ชาวต่างชาติจึงยังคงต้องรับข้อมูลข่าวสารของประเทศไทยผ่านตัวกลาง กระทั่งการมาถึงของ AI ได้เข้ามาทลายกำแพงภาษาลง “เนชั่น กรุ๊ป” จึงไม่รีรอที่จะนำเครื่องมือ AI มาใช้กับเว็บไซต์ของสื่อในเครือ

“หลังจากนี้ เว็บไซต์ในเครือเนชั่น จะก้าวสู่ระดับโกลบอลมากขึ้น โดยนำร่องที่ 3 เว็บไซต์ของ 3 สื่อเศรษฐกิจในเครือ ได้แก่ กรุงเทพธุรกิจ ฐานเศรษฐกิจ และโพสต์ทูเดย์ จะเริ่มใช้ AI แปลภาษาไทย เป็นภาษาอังกฤษ และภาษาจีน เพื่อเปิดโอกาสให้ชาวต่างชาติเข้าถึงข่าวสารสำคัญของไทย รวมถึงบทวิเคราะห์ด้านเศรษฐกิจ ธุรกิจ การลงทุนได้โดยไม่ต้องผ่านตัวกลางดังเช่นที่ผ่านมา”

สำหรับเหตุผลของการนำร่องภาษาอังกฤษ และภาษาจีนก่อนนั้น นายสมชาย อธิบายว่า เนื่องจากปัจจุบัน ประชากรโลกที่พูด 2 ภาษานี้ มีรวมกันมากกว่า 4,000 ล้านคน หรือมากกว่าครึ่งของจำนวนประชากรโลก

“เมื่อชาวต่างชาติเข้าถึงเว็บไซต์เราได้มากขึ้น ก็เท่ากับเป็นการเปิดพรมแดนใหม่ เปิดตลาดให้เราไปได้ไกลกว่าในประเทศไทย สร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ ที่สินค้าหรือบริการจะสามารถสื่อสารกับกลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติได้ผ่านทางเว็บไซต์ของเรา” รองประธานกรรมการบริหาร เนชั่น กรุ๊ป กล่าว

นอกจากนี้ การเพิ่มฟีเจอร์แปลภาษาเข้ามา ยังช่วยสร้างความน่าสนใจ และ สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับเว็บไซต์ โดยไม่เพียงทำให้มีผู้อ่านเข้ามามากขึ้นแล้ว ยังเชื่อว่าจะสามารถรักษาคนอ่านให้อยู่บนเว็บได้นานยิ่งขึ้นด้วย

ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2567 เป็นต้นไป ชาวต่างชาติจะสามารถติดตามข้อมูลข่าวสารบทวิเคราะห์เจาะลึกผ่านเว็บไซต์ “กรุงเทพธุรกิจ-ฐานเศรษฐกิจ-โพสต์ทูเดย์” ได้อย่างง่ายดาย เพียงกดปุ่มเลือกภาษาที่ต้องการ โดยสามารถ “อ่าน” ได้ 3 ภาษา คือ ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ และภาษาจีน รวมถึงยังสามารถกดปุ่ม “ฟัง” ซึ่งเอไอจะอ่านข่าวนั้นๆ ให้ฟังตามภาษาที่เลือกไว้ได้อีกด้วย

สำหรับการนำ AI มาใช้เพื่อพัฒนาปรับปรุงบริการด้านข้อมูลข่าวสารให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นในครั้งนี้ ถือเป็นเพียง “ก้าวแรก” เท่านั้น โดยนายสมชาย เปิดเผยว่า หลังจากนี้ เนชั่น กรุ๊ป จะทยอยเปิดตัวฟีเจอร์ AI ใหม่ๆ เพื่อยกระดับประสบการณ์การเข้าถึงเนื้อหาของสื่อในเครือเนชั่น กรุ๊ป ให้ตอบโจทย์ความต้องการได้อย่างสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น และเชื่อว่า จะสามารถสร้างปรากฏการณ์ใหม่ให้กับวงการสื่อได้อย่างแน่นอน

“สิ่งที่เราต้องมี คือ มายด์เซ็ต ต้องมีจินตนาการ จึงจะสร้างโปรดักต์ใหม่ๆ ที่พลิกโฉมอุตสาหกรรมได้ ซึ่งหลังจากนี้ แม้ว่า เทคโนโลยีบางเรื่องจะยังพัฒนาไปไม่ถึง แต่เราเตรียมพร้อม และพร้อมที่จะวิ่งเข้าหาเพื่อดิสรัปอุตสาหกรรม แทนที่จะถูกดิสรัปเสียเอง” นายสมชายกล่าวปิดท้าย