‘ทัวร์ทุบตลาด’ โมเดล ‘นอมินีทัวร์จีน’ ตัดราคายอมเจ๊ง เสี่ยงปลิดชีพทัวร์ไทย
สถานการณ์ 'กรุ๊ปทัวร์จีน' น่าเป็นห่วงยิ่ง เพราะตอนนี้เกิดโมเดลใหม่ 'ทัวร์ทุบตลาด' หนักยิ่งกว่าทัวร์ศูนย์เหรียญ! ทำลายภาพลักษณ์ 'ท่องเที่ยวไทย' ที่กลับมาบูมหลังหมดยุคโควิด ประเทศไทยเปิดเต็มรูปแบบ และรัฐบาลไทย-จีน ลงนามข้อตกลงยกเว้นวีซ่าระหว่างกัน มีผล 1 มี.ค. 2567
ศิษฎิวัชร ชีวรัตนพร นายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) เปิดเผยว่า ทัวร์ทุบตลาดเป็นรูปแบบการทำทัวร์ของบริษัททัวร์ของจีนที่ใช้คนไทยเป็นนอมินี นำกรุ๊ปทัวร์นักท่องเที่ยวจีนมาไทยด้วยการทำราคาแบบต่ำที่สุด “ขายตัดราคาแบบยอมเจ๊ง” เพื่อให้บริษัททัวร์ไทยอยู่ไม่ได้และตายไปจากระบบ เพื่อจะได้ครองตลาดเองทั้งหมดในภายหลัง เมื่อพานักท่องเที่ยวจีนมาถึงไทยก็ข่มขู่ บีบบังคับให้ซื้อของ ชอปปิงคนละ 70,000-100,000 บาท
กรณีทัวร์ทุบตลาดมีแต่จะ “ทำลายภาพลักษณ์ท่องเที่ยวไทย” หนักยิ่งกว่ากรณี “ทัวร์ศูนย์เหรียญ” ทำให้ผู้ประกอบการบริษัททัวร์ของไทยเดือดร้อนแล้วในตอนนี้ ยิ่งนานเข้าจะยิ่งเสียหายหนัก หากรัฐบาลปล่อยไว้แบบนี้ คาดว่าไม่เกิน 1 ปีนับจากนี้ บริษัททัวร์ไทยจะอ่อนกำลังและตายไปในที่สุด!
“ทัวร์ทุบตลาดของนอมินีทัวร์จีนเป็นรูปแบบการขายตัดราคาไม่กี่เปอร์เซ็นต์ ก็สามารถทำลายตลาดได้ ผมอยู่ในวงการนี้มานาน ไม่เคยเห็นพฤติกรรมที่รุนแรงขนาดนี้ เรียกได้ว่าสาหัสมาก หนักยิ่งกว่าทัวร์ศูนย์เหรียญเสียอีก”
สำหรับวิธีการของบริษัททัวร์จีนเหล่านี้ จะเป็นมากกว่า “ทัวร์คิกแบ็ก” (Kick Back) หรือทัวร์ซื้อหัว เป็นกลุ่มคนจีนกลุ่มใหม่ที่เข้ามาทำธุรกิจในไทย ทำเองทั้งกระบวนการ ตั้งราคาขายแพ็กเกจทัวร์ให้นักท่องเที่ยวจีนในราคาต่ำมากแบบไม่เคยมีมาก่อน ไม่สนใจต้นทุน และไม่สนใจว่าจะขาดทุนด้วย ถ้าเจ๊งก็กลับไป และกลุ่มใหม่ก็เข้ามาอีก ไม่ต่างจากการวัดดวง แต่คนที่เสียหายมากที่สุดคือประเทศไทย! เขาเข้ามาทำตลาดพังทั้งระบบ ตั้งใจทำลายตลาด ทำให้บริษัททัวร์รายอื่นๆ ล้มหายตายจาก อยู่ไม่ได้ เพื่อให้เหลือแต่บริษัทของเขาได้ครองตลาดในภายหลัง
“แอตต้าเคยรายงานให้นายกรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสิน รับทราบปัญหาว่า เกิดปัญหาการตัดราคา มีกลไกการตลาดแบบไม่สมเหตุสมผล ทำให้ภาพลักษณ์ประเทศเสียหาย ในนามผู้ประกอบการและนายกสมาคมแอตต้า อยากให้รัฐบาลจริงใจมาร่วมกันแก้ปัญหาอย่างเร่งด่วน มีการกำหนดบทลงโทษกรณีขายต่ำกว่าราคาที่กำหนด ไม่เช่นนั้นภาพรวมของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยจะเสียหาย เนื่องจากพฤติกรรมของบริษัทเหล่านี้มีเครือข่าย 4-5 บริษัท แม้จะมีการจับกุมไป 1-2 บริษัท เขาก็ยังเฉยๆ เพราะยังมีบริษัทอื่นๆ ในเครือเหลืออยู่”
ด้านรายงานข่าวจากกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ระบุว่า ในช่วง 5 เดือนครึ่งของปี 2567 ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. - 16 มิ.ย. มี “นักท่องเที่ยวต่างชาติ” เดินทางเข้าไทยจำนวนสะสม 16,200,706 คน เพิ่มขึ้น 37% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดย 5 อันดับแรกของตลาดที่เดินทางเข้าไทยสูงสุด อันดับ 1 “จีน” 3,179,539 คน อันดับ 2 มาเลเซีย 2,253,397 คน อันดับ 3 อินเดีย 952,470 คน อันดับ 4 รัสเซีย 888,203 คน และอันดับ 5 เกาหลีใต้ 874,903 คน
เสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวฯ กล่าวว่า “สำหรับปัญหาทัวร์นักท่องเที่ยวต่างชาติ ในลักษณะเหมือนทัวร์ศูนย์เหรียญ หรือพาไปร้านชอปปิงและทานอาหารแต่ร้านในเครือของเขาเพียงอย่างเดียว รวมถึงบริษัทนอมินีเข้ามาทำทัวร์ตลาดใหญ่ๆ เช่น จีน และรัสเซีย มองว่าเป็นเรื่องไม่เหมาะสมจริงๆ แต่จะไปห้ามเขาก็คงทำไม่ได้ ต้องตรวจสอบว่าเขาทำถูกต้องหรือไม่ เราจะต้องเข้มกับปัญหาตรงนี้ เพราะนี่คือการแย่งชิงรายได้ของคนไทย แน่นอนว่าผมจะดำเนินการตรวจสอบถ้าเห็นว่าเรื่องไหนไม่ถูกต้อง”
เสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา