ทำไมคนยอมจ่ายเงินหลักพัน ซื้อพัดลมสัญชาติจีน ‘JisuLife’ จนขายดีที่สุดในโลก ?

เปิดมา 8 ปี แต่ขึ้นแท่นเบอร์ 1 โลกไปแล้ว! รู้จัก “JisuLife” แบรนด์พัดลมพกพาจากจีน เริ่มต้นจากขายโคมไฟ-หูฟัง-เครื่องทำความชื้น ก่อนมาดังระเบิดเพราะทำพัดลม ล่าสุดกระจายไปแล้ว 40 ประเทศทั่วโลก แม้เข้าไทยเพียง 4 ปี แต่โกยไปแล้ว 140 ล้านบาท
KEY
POINTS
- “JisuLife” (จีซูไลฟ์) พัดลมหน้าตาละม้ายคล้ายไดร์เป่าผมกำลังได้รับความนิยมในบ้านเราสุดๆ แม้แบรนด์จะเข้ามาทำตลาดในไทยได้เพียง 4 ปี แต่ล่าสุดมีรายได้ทะลุ “140 ล้านบาท” ไปแล้ว
- แบรนด์ “JisuLife” ก่อตั้งขึ้นภายใต้ บริษัท เซินเจิ้น จีซู เทคโนโลยี จำกัด เกิดจากการรวมตัวของกลุ่มนักออกแบบเทคโนโลย
พัดลมพกพาไม่ใช่สินค้าแปลกใหม่ มีให้เห็นทั่วไปตามท้องตลาดตั้งแต่ราคาหลักสิบไปจนถึงหลักร้อยต้นๆ ทว่า ไม่กี่ปีที่ผ่านมากลับมีแบรนด์พัดลมน้องใหม่ที่เพิ่งเข้ามาวางขายในบ้านเราได้เพียง 4 ปีเศษๆ พร้อมกับดีไซน์มินิมอลหลากสี หลากรุ่น แถมราคาขายยังสูงกว่าท้องตลาดด้วยซ้ำไป มีตั้งแต่หลักร้อยกลางๆ ไปจนถึงหลักพันบาท
แต่ปรากฏว่า พัดลมราคาสูง ทั้งยังเดินเกมช้ากว่าเจ้าอื่นไปหลายก้าวกลับขายดีเกลี้ยงแผงจนต้องมีการเติมสต๊อกอยู่เรื่อยๆ เรากำลังพูดถึง “จีซูไลฟ์” (JisuLife) พัดลมพกพาสัญชาติจีนที่ล่าสุดได้เปิดเผยตัวเลขผลประกอบการในไทย โดยระบุว่า ปี 2567 โกยรายได้ไปแล้ว “140 ล้านบาท” รั้งอันดับ 1 สินค้าขายดีบนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซแทบทุกเจ้า
“JisuLife” นิยามตัวเองว่า เป็นผู้นำตลาดพัดลมพกพาอันดับ 1 ของโลก โดยอ้างอิงจากจำนวนผู้ใช้งาน ยอดขาย สัดส่วนการส่งออก ฯลฯ ซึ่งทั้งหมดที่ว่ามานี้แบรนด์ใช้เวลาเพียง 8 ปีนับแต่วันก่อตั้ง ความน่าสนใจของ “JisuLife” ไม่ได้มีเพียงระยะเวลาความสำเร็จเพียงสั้นๆ แต่ยังพบว่า ในวันตั้งไข่ “JisuLife” ไม่ได้มีพัดลมเป็นสินค้าเรือธง หากแต่เกิดและเติบโตจากการทำโคมไฟ หูฟัง ไปจนถึงเครื่องทำความชื้นอีกด้วย
เริ่มที่เซินเจิ้น ขายทุกอย่างที่ช่วยให้บ้านอยู่สบาย จนมาถึงเรื่องลม
“JisuLife” อยู่ภายใต้การดำเนินงานของ “บริษัท เซินเจิ้น จีซู เทคโนโลยี จำกัด” (Shenzhen Jisu Technology Co., Ltd.) ก่อตั้งขึ้นในปี 2559 ณ เมืองเซินเจิ้น ประเทศจีน โดยกลุ่มนักออกแบบเทคโนโลยีระดับอาวุโส ข้อมูลจากเว็บไซต์ทางการของแบรนด์ระบุว่า ในช่วงแรก “JisuLife” ผลิตสินค้าออกมาไม่มากนัก ที่ดูจะโดดเด่นและเป็นจุดแข็งก็มี “Nut Speaker” ลำโพงบลูทูธขนาดกะทัดรัด และ “Dolphin Patting Lamp” โคมไฟรูปโลมาสีขาว
ช่วงขวบปีแรกทีมพัฒนาโปรดักต์ทุ่มสรรพกำลังไปกับการคิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆ ที่มีจุดขายเรื่องดีไซน์เป็นสำคัญ ถัดจากนั้นก็มีไฟรูปหูแมว รวมถึงเครื่องทำความชื้นรูปขวดนมที่ขายดีแบบเทน้ำเทท่า เฉพาะปี 2560 มีการจัดส่งไปแล้วกว่า 510,000 เครื่อง
แม้ในช่วงเวลาใกล้เคียงกัน “JisuLife” จะอยู่ท่ามกลางการเติบโตของบริษัทเทคฯ มากมาย แต่สิ่งที่ทำให้ไม่เหมือนใครและไม่มีใครเหมือน คือหลักการที่คนสายเทคฯ อาจจะขาดพร่องไป นั่นคือการใช้งานที่ควบคู่ไปกับดีไซน์ เพราะประสิทธิภาพเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ แต่ต้องมีกลิ่นอายของแฟชั่นผสมผสานเข้าไปด้วย
หลังจากนั้นไม่นาน “JisuLife” เริ่มมองหาโปรดักต์อื่นๆ เข้ามาเสริมทัพ ในเมื่อแบรนด์วางจุดยืนตัวเองเป็น “Sustainable gadgets for personal space” หรืออุปกรณ์ที่ยั่งยืนสำหรับการใช้งานในพื้นที่ส่วนตัว อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์แบบพกพาในทุกๆ วัน อย่างเช่น “พัดลม” จึงเป็นโจทย์ต่อไปที่พวกเขาปักธง
-Nut Speaker สินค้าสร้างชื่อในยุคแรกๆ ก่อนทำพัดลม JisuLife-
ในปีเดียวกันนี้เอง “JisuLife” ส่งพัดลมพกพาออกมาตีตลาดเป็นครั้งแรก โดยระบุว่า ความตั้งใจของแบรนด์ คือการปรับปรุงอากาศรอบๆ ตัวผู้บริโภค ไม่ว่าจะเป็นในร่มหรือกลางแจ้งก็ตาม หลังจากนั้นพัดลมพกพาภายใต้แบรนด์ “JisuLife” ก็เริ่มได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ กระทั่งมีการวางขายบนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซเพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้ครอบคลุมมากกว่าเดิม
5 ปีให้หลัง พัดลม “JisuLife” อยู่ในฐานะพระเอกแถวหน้าของเซินเจิ้น จีซู เทคโนโลยี มียอดขายทะลุ “10 ล้านชิ้น” ในปี 2564 รั้งตำแหน่งพัดลมพกพาอันดับ 1 ของโลก ในปี 2564 และ 2565 จนถึงปัจจุบัน “JisuLife” กระจายไปแล้ว 40 ประเทศทั่วโลก ทั้งฝั่งสหรัฐ ยุโรป ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ รวมถึงไทยเองด้วย
“JisuLife” เปิดเผยอาวุธลับที่ทำให้แบรนด์ประสบความสำเร็จว่า มาจากการให้น้ำหนักไปกับทีมพัฒนาสินค้าหลังบ้านอย่างมีนัยสำคัญ โดยมากกว่า 50% ของพนักงานในองค์กร ประกอบไปด้วยทีมวิศวกรวิจัยและพัฒนาสินค้า และทีมดีไซเนอร์ สินค้าทุกๆ SKU ที่ออกวางขายต้องผ่านการทำรีเสิชและสำรวจอินไซต์ตลาดไม่น้อยกว่า 3 ปี
หลังจากออกวางขายแล้วก็จะมีทีมดูแลลูกค้ารับไม้ต่อในการเก็บฟีดแบ็ก เพื่อนำมาพัฒนาโปรดักต์ต่อๆ ไปให้ออกมาดียิ่งขึ้น เป็นหัวใจสำคัญที่ทำให้แบรนด์เติบโตอย่างรวดเร็วนั่นเอง
เข้าไทยมา 4 ปี โกยไปแล้ว “ร้อยล้านบาท” เน้นเจาะหัวเมือง-คนรุ่นใหม่
“JisuLife” เข้ามาทำตลาดในไทยตั้งแต่ปี 2563 กระทั่ง 1-2 ปีให้หลังมานี้ อาจเรียกได้ว่า เป็น “ยุคทอง” ของแบรนด์ก็คงไม่ผิดนัก เฉพาะปีนี้ปีเดียวทำยอดขายจากสินค้าพัดลมพกพาสารพัดรุ่นไปแล้ว “140 ล้านบาท” โดยแบรนด์มองว่า จุดแข็งที่ทำให้เจาะตลาดไทยได้สำเร็จมาจากการใช้งานที่สะดวกสบาย รวมถึงนวัตกรรมที่ช่วยให้ผู้บริโภคได้รับประสบการณ์ที่ดี ได้รับลมเย็นแม้จะอยู่ท่ามกลางอากาศร้อนก็ตาม
“ลีโอ เฉิน” (Leo Chen) ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด “JisuLife” บอกว่า สำหรับในไทยแบรนด์เน้นเจาะกลุ่ม “Young Generation” หรือกลุ่มวัยรุ่นและวัยทำงานมากเป็นพิเศษ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มชนชั้นกลางและกลุ่มผู้มีรายได้สูงในเขตเมืองใหญ่ อาทิ กรุงเทพฯ เชียงใหม่ ภูเก็ต เป็นต้น สะท้อนจากการเลือก “บิวกิ้น-พุฒิพงศ์ อัสสรัตนกุล” เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ตั้งแต่เดือนสิงหาคมที่ผ่านมา
ปัจจุบัน JisuLife ขึ้นแท่นพัดลมพกพาขายดีอันดับ 1 บนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซยักษ์ใหญ่หลายแห่ง อาทิ “Shopee” “Lazada” “Aliexpress” และ “Amazon” เปิดตัวพัดลมรุ่นใหม่ “Life9” เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านก็ได้รับกระแสตอบรับที่ดีมากจนขายหมดอย่างรวดเร็ว
“เราเชื่อมั่นว่าการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่ทันสมัยและเข้าถึงความต้องการของผู้บริโภค จะช่วยผลักดันให้ JisuLife เป็นแบรนด์ที่ครองใจคนไทยได้ในระยะยาว และในอนาคตเราวางแผนที่จะขยายตลาดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ต่อไป โดยมุ่งเน้นการนำเสนอนวัตกรรมใหม่ๆ ที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคในประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้” ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด JisuLife กล่าวปิดท้าย
อ้างอิง: Business Insider, JisuLife 1, JisuLife 2, PR News Wire