ทำไมต้องทำซีอิ๊วเม็ด ? คุยกับ ‘ท็อป-วสุพล’ ที่อยากให้ ‘เด็กสมบูรณ์’ อยู่ไปอีก 200 ปี

ทำไมต้องทำซีอิ๊วเม็ด ? คุยกับ ‘ท็อป-วสุพล’ ที่อยากให้ ‘เด็กสมบูรณ์’ อยู่ไปอีก 200 ปี

บุก TikTok-เจอดราม่า-คว้าพีพีนั่งพรีเซนเตอร์! รีแคปสารพัดอย่างจากปาก “ท็อป-วสุพล” ทายาทรุ่นที่ 3 อาณาจักรหยั่นหว่อหยุ่น หลังนั่งแท่นผู้บริหารได้ 2 ปีเต็ม วางเป้าหมายใหญ่ อยากให้ “เด็กสมบูรณ์” เป็นแบรนด์ระดับโลก ยืนระยะยาวนานไปอีกร้อยปี

KEY

POINTS

  • “ท็อป-วสุพล” ทายาทรุ่นที่ 3 อาณาจักรเด็กสมบูรณ์ เป็นที่พูดถึงบนโลกโซเชียลจากการบุกทำคอนเทนต์ใน TikTok เพียงชั่วข้ามคืน มียอดผู้ชมทะลุหลักล้านทันที
  • นอกจากการทำโปรดักต์ใหม่ๆ ปีนี้ “วสุพล” ยังเป็นหัวเรือใหญ่ในการเปลี่ยนพรีเซนเตอร์ ดัน “พีพี-กฤษฏ์” ร่วมงานกับเด็กสมบูรณ์เป็นครั้งแรก
  • เป้าหมายใหญ่ของทายาทรุ่นที่ 3 คือการวางรากฐานเด็กสมบูรณ์ให้ส่งต่อไปอีกหลักร้อยปี รวมถึงการเป็น “Globa

ไอศกรีมซีอิ๊วดำ อิ๊วโซดา จนมาถึง “ซีอิ๊วเม็ด” ทั้งหมดล้วนมี “ท็อป-วสุพล ตั้งสมบัติวิสิทธิ์” เป็นหนึ่งในคีย์แมนคนสำคัญ พาอาณาจักรเด็กสมบูรณ์ไปไกลกว่าการเป็นเครื่องปรุงหลังครัว จากความตั้งใจที่ทายาทรุ่นที่ 3 คนนี้ อยากให้ซีอิ๊วตราเด็กสมบูรณ์ใกล้ชิดกับผู้บริโภคมากขึ้น โดยเฉพาะเด็กรุ่นใหม่ที่อาจจะไม่ได้มีความผูกพันกับแบรนด์เหมือนเจเนอเรชันก่อนๆ มากนัก

เกือบ 1 ปีเต็ม หลังจาก “กรุงเทพธุรกิจ” มีโอกาสพูดคุยกับ “วสุพล” ในช่วงที่กำลังบ่มเพาะนวัตกรรมซีอิ๊วเม็ด กระทั่งปัจจุบันมีการวางขายตามท้องตลาดเป็นที่เรียบร้อย จากที่หลายคนคิดว่า “ซีอิ๊วเม็ด” เป็นเพียงมุกตลกสนุกๆ ทายาทรุ่นที่ 3 คนนี้ นำทีมลองผิดลองถูกจนซีอิ๊วเม็ดเกิดขึ้นจริง แถมยังทำได้มากกว่าฟังก์ชันเดิมๆ ด้วยซ้ำไป อีกทั้งในช่วงปลายปีที่ผ่านมา เรายังเห็น “วสุพล” บุกแพลตฟอร์ม “TikTok” เต็มกำลัง สร้างการรับรู้จากยอดวิวและจำนวนผู้ติดตามได้อย่างที่เคยตั้งใจไว้

มองจากระยะไกล หน้าที่ของผู้บริหารอาณาจักรเครื่องปรุงที่มีส่วนแบ่งการตลาดมากถึง 80% อาจดูเหมือนโรยด้วยกลีบกุหลาบ ทว่า “วสุพล” บอกว่า ปีที่ผ่านมาเขาต้องเผชิญกับความท้าทายหลายอย่าง ความเคลื่อนไหวใหม่ๆ ไม่สามารถทำได้ทันทีเพียงเพราะตนเป็นทายาท ทุกอย่างต้องผ่านการเสนอบอร์ด-โน้มน้าวใจให้ผู้บริหารซื้อไอเดีย การเปลี่ยนพรีเซนเตอร์ก็ไม่ได้เกิดขึ้นภายในชั่วข้ามคืน รวมถึงการนำเสนอตัวเองบน “TikTok” ก็ทำให้วสุพลต้องเจอกับสารพัดคำดูถูก รุนแรงถึงขั้นมีบุคคลนิรนามส่งข้อความมาบอกกับเขาว่า “ธุรกิจจะพังพินาศ เพราะผู้บริหารแบบนี้”

ทำไมต้องทำซีอิ๊วเม็ด ? คุยกับ ‘ท็อป-วสุพล’ ที่อยากให้ ‘เด็กสมบูรณ์’ อยู่ไปอีก 200 ปี

-ท็อป-วสุพล ตั้งสมบัติวิสิทธิ์ ทายาทรุ่นที่ 3 อาณาจักรหยั่นหว่อหยุ่น ตราเด็กสมบูรณ์-

ไม่ได้หวังอะไรจาก TikTok มากไปกว่ารักษาความสัมพันธ์กับ Gen Z

นับจนถึงตอนนี้ทายาทเด็กสมบูรณ์เพิ่งลงสนาม TikTok ได้เพียง 3 เดือนเศษๆ เท่านั้น แม้จะเป็น Gen Z เหมือนกัน แต่ “วสุพล” ยังใหม่กับแพลตฟอร์มนี้อย่างมาก โดยจุดเริ่มต้นที่ทำให้หันมาเอาจริงเอาจังกับการทำการตลาดช่องทางนี้เกิดจากความไม่สม่ำเสมอของฐานแฟนคลับ เด็กสมบูรณ์ปั้นช่อง TikTok มาระยะหนึ่งแต่ยังขาดความต่อเนื่อง ประกอบกับตัว “วสุพล” อยากให้มีรูปแบบการนำเสนอที่เข้าใจง่าย จึงเปิดช่องเองเป็นของตัวเอง โดยสวมบทนักแสดงเข้าไปด้วย

ปรากฏว่า ลงคลิปแรกไปเพียงชั่วข้ามคืน ยอดวิวจนถึงตอนนี้พุ่งไปมากกว่า 7 ล้านครั้ง หลังจากนั้นก็เร่งทำต่ออีกเรื่อยๆ จนตอนนี้มีทั้งหมดเกือบๆ 15 คลิปแล้ว “วสุพล” บอกว่า ไม่ได้ต้องการรีเทิร์นในเชิงตัวเลขกลับไปหาแบรนด์ เป้าหมายคือทำอย่างไรให้แบรนด์เข้าใกล้ผู้บริโภคมากที่สุด หากพูดกันอย่างตรงไปตรงมา “เด็กสมบูรณ์” แข็งแรงในเชิงแบรนดิ้งอยู่แล้ว มีส่วนแบ่งตลาดสูงกว่า 80% ต่อเนื่องหลายปี

ในมุมมองคนรุ่นใหม่ “วสุพล” อยากรักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้าไว้ให้มากที่สุด สร้างบทสนทนาผ่านช่องทางอื่นๆ นอกจากเพจเฟซบุ๊ก เขาบอกว่า ก่อนหน้านี้ไม่เคยมีใครได้คุยกับผู้บริหารเด็กสมบูรณ์แม้แต่น้อย เชื่อว่า ช่องทางเหล่านี้จะช่วยให้คนทำงานเข้าใจรากของปัญหาที่เกิดขึ้นจริงในตลาดได้เป็นอย่างดี

“ผมอยากให้ธุรกิจของเรายืนไปอีก 100 ถึง 200 ปี เจเนอเรชันมีการเปลี่ยนแปลงตลอด คนเก่าหายไปจากโลก คนใหม่เกิดขึ้นมา สิ่งที่ผมตั้งเป้ามาโดยตลอดและคาดหวังมากๆ คือต่อให้ผมไม่อยู่หรือเกษียณไปแล้ว ธุรกิจต้องส่งให้เจนที่ 4 และเจนอื่นต่อไปได้ ทำอย่างไรเพื่อสร้างฐานลูกค้าใหม่ให้กับเขาในอีก 10 หรือ 20 ปี ในอนาคต”

ทำไมต้องทำซีอิ๊วเม็ด ? คุยกับ ‘ท็อป-วสุพล’ ที่อยากให้ ‘เด็กสมบูรณ์’ อยู่ไปอีก 200 ปี

ยิ่งดังยิ่งเจอดราม่า ส่งผลต่อใจ แต่ต้องรับมือให้ได้

ภายในระยะเวลาเพียง 3 เดือน กระแสของ “วสุพล” ขึ้นสุดลงสุดยิ่งกว่ารถไฟเหาะ แรกๆ ก็มีเสียงชื่นชมถึงความสดใหม่ในฐานะทายาทธุรกิจอายุเกือบร้อยปี ขณะเดียวกันก็ต้องรับมือกับเสียงวิพากษ์วิจารณ์ท่ามกลางสปอตไลต์ดวงใหญ่ไปพร้อมกัน

กระแสดราม่าน้ำจิ้มซีฟู้ดของ “วสุพล” สร้างบทสนทนาบนโลกโซเชียลหลากหลายแพลตฟอร์ม บ้างก็บอกว่า ไม่จริงใจกับผู้บริโภค หนักเข้าก็มีคำสบประมาทบอกว่า ธุรกิจจะพังทลายลงก็เพราะรุ่นลูก “วสุพล” บอกว่า ตนเป็นเพียงเด็กรุ่นใหม่ที่ตั้งใจทำงาน  มีแพชชัน และมีมุมมองที่ต่างจากกรอบคิดเดิมๆ เขายอมรับว่า แรกๆ ที่เจอดราม่าก็ส่งผลต่อใจไม่น้อยเหมือนกัน เพราะทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก ไม่ได้คาดคิดว่า จำนวนผู้ติดตามจะส่งผลกับการใช้ชีวิตหรือไม่อย่างไร

“ที่ผ่านมาอาจจะเคยเห็นดราม่าของผม เช่น กินน้ำจิ้มซีฟู้ดแล้วไม่โดนปาก มีหลายคอมเมนต์ในเชิงสบประมาทว่า เด็กรุ่นใหม่มาบริหาร เด็กอมมือรึเปล่า มาบริหารแบบนี้ที่พ่อแม่ทำมาพังหมด มีแม้กระทั่งส่งข้อความหลังไมค์มาบอกว่า พ่อแม่ทำมาดีๆ มึงมาทำก็ปัง ปังปินาศหมด เราก็พยายามอธิบาย ยึดมั่นในสิ่งที่ทำ ครอบครัวเห็นก็บอกว่า ถ้าคนคอมเมนต์ได้ ด่าได้ ก็แปลว่า เขารู้จักเราแล้วแหละ ก็รู้สึกว่า เป็นอีกจุดที่ต้องรับมือให้ได้ ทำอะไรต้องระวังมากขึ้น”

ทายาทรุ่นที่ 3 คนนี้บอกว่า หน้าฉากอาจจะเห็นว่า คอนเทนต์ดังเปรี้ยงภายในพริบตา แต่กว่าจะออกมาเป็นผลลัพธ์เชิงประจักษ์ทุกอย่างไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ “วสุพล” ลงมือทำทุกอย่างเองตั้งแต่เขียนสคริปต์ไปจนถึงเช็กเทป

ซึ่งนอกจากคอนเทนต์ในช่อง TikTok เขายังเป็นคนนำเสนอ “พีพี-กฤษฏ์ อำนวยเดชกร” เพื่อให้บอร์ดบริหารอนุมัติในฐานะพรีเซนเตอร์เด็กสมบูรณ์คนใหม่ล่าสุด เพราะแม้จะอยู่ในฐานะลูกชายคนโตเจ้าของบริษัท แต่หมวกอีกใบก็ยังเป็นคนทำงานที่จะคิดจะทำอะไรต้องผ่านการอนุมัติจากบอร์ดบริหารอยู่ดี โดยเฉพาะการ “ปรับใหญ่” ที่ต้องผ่านการวิเคราะห์ประมวลผลข้อมูลมาแล้วนับไม่ถ้วน

เด็กสมบูรณ์ที่สดใหม่ และ “ติดแกลม” ต้องเป็น “พีพี-กฤษฏ์” เท่านั้น

หลังจากปีที่ผ่านมา “เด็กสมบูรณ์” พลิกโฉมมีพรีเซนเตอร์เป็นครั้งแรกในรอบ 80 ปี มาปีนี้ภาพเปลี่ยนอีกครั้ง จากการดึง “พีพี-กฤษฏ์” นั่งแท่นพรีเซนเตอร์คนใหม่ล่าสุด

ทำไมต้องเป็นพีพี? “วสุพล” เล่าที่มาที่ไปให้ฟังว่า จุดเริ่มต้นแรกสุดมาจากความสัมพันธ์อันดีระหว่างทั้งสองคน “พีพี-กฤษฏ์” และ “ท็อป-วสุพล” เป็นเพื่อนสนิทกันตั้งแต่ระดับชั้นมัธยมที่โรงเรียนอัสสัมชัญ จนถึงปัจจุบันทั้งคู่ก็ยังไปมาหาสู่กันอยู่ตลอด แต่ละวันพีพีจะเล่าให้ฟังวสุพลฟังว่า ต้องทำอะไรบ้าง ทำงานที่ไหน รู้สึกอย่างไร ขอกำลังใจในฐานะเพื่อน

ทำไมต้องทำซีอิ๊วเม็ด ? คุยกับ ‘ท็อป-วสุพล’ ที่อยากให้ ‘เด็กสมบูรณ์’ อยู่ไปอีก 200 ปี -พีพี-กฤษฏ์ อำนวยเดชกร พรีเซนเตอร์คนล่าสุดของเด็กสมบูรณ์-

กระทั่งวันหนึ่งวสุพลผุดไอเดียขึ้นมาว่า เพื่อนรุ่นน้องคนนี้มีชื่อเสียงมาก คาแรกเตอร์ก็สดใหม่เหมาะกับแคมเปญที่กำลังจะเกิดขึ้น ทำไมจึงไม่ชวนพีพีมาทำอะไรสักอย่างร่วมกัน นั่นจึงเป็นที่มาของการเปิดโต๊ะเจรจาเพื่อดึงพีพีเป็นพรีเซนเตอร์เด็กสมบูรณ์คนต่อไป

“วันหนึ่งผมหันไปเจอพีพีก็คิดว่า น้องเราหน้าตาดีนะ น้องเราดังมากๆ ผมก็ถามเขาขึ้นมาว่า ถ้าพี่อยากร่วมงานกับพีทำยังไงได้บ้าง เขาก็บอกว่า เอาเลยพี่ มันก็เหมือนการทำงานกลุ่มตอนมัธยม สนุกนะ เราก็เจนใหม่ พีก็เจนใหม่ พีก็เป็นเพื่อนเรา คิดว่า ส่วนผสมแบบนี้คงเป็นอะไรที่สนุก ผมเองก็ได้อินไซต์อะไรหลายๆ อย่างจากน้องด้วย”

หลังจากปล่อยภาพไวรัล “ซีอิ๊วเม็ด” ในเดือนเมษายน 2567 “วสุพล” ตั้งใจเปิดตัวนวัตกรรมดังกล่าวอย่างเป็นทางการในปี 2568 ภาพใหญ่ของแคมเปญจึงต้องดูสมัยใหม่ สื่อถึงนวัตกรรม มีความติดแกลมหน่อยๆ ด้วยคาแรกเตอร์ของพีพีและฐานแฟนคลับที่มีมองว่า น่าจะเหมาะกับผลิตภัณฑ์ซีอิ๊วเม็ด ซึ่ง “วสุพล” บอกกับ “กรุงเทพธุรกิจ” ว่า เป็นโปรเจกต์ที่ลงทุนลงแรงไปเยอะ จึงคาดหวังว่า ต้องปัง ต้องเกิด ต้องได้รับกระแสตอบรับที่ดี

สำหรับผลิตภัณฑ์ซีอิ๊วเม็ด “วสุพล” เท้าความให้เราฟังถึงไอเดียนี้ที่เกิดขึ้นครั้งแรกราวๆ 2 ปีก่อนหน้า ก่อนบินกลับมาทำงานที่เด็กสมบูรณ์เต็มตัว เขามีโอกาสไปเที่ยวที่เกาะฮาวายกับเพื่อนสนิท บนไฟล์ตบินครั้งนั้นวสุพลกับเพื่อนได้รับอาหารเป็นก๋วยเตี๋ยวคนละกล่อง พวกเขาตั้งชื่อเรียกให้เมนูดังกล่าวว่า “ก๋วยเตี๋ยวทูโทน” ความหมายคือด้านล่างเย็น ด้านบนร้อน เพระความร้อนจากการอุ่นผ่านไมโครเวฟไม่ทั่วถึง แถมรสชาติยังจืดชืดเข้าไปอีก

ทำไมต้องทำซีอิ๊วเม็ด ? คุยกับ ‘ท็อป-วสุพล’ ที่อยากให้ ‘เด็กสมบูรณ์’ อยู่ไปอีก 200 ปี -ซีอิ๊วเม็ด ที่กลายเป็นกระแสไวรัลทันทีหลังปล่อยภาพโปรโมตในปี 2567-

วสุพลจึงขอเครื่องปรุงจากพนักงานแต่ก็พบว่า ไม่มีให้ ตอนนั้นเขาคิดว่า ไว้รอบหน้าพกเครื่องปรุงติดมาด้วยก็คงจะดี ทันใดนั้นเพื่อนสนิทที่มาด้วยกันก็พูดหยิกแกมหยอกว่า ลองทำซีอิ๊วแผ่นแบบน้ำยาบ้วนปากชนิดแผ่นดูมั้ย ด้วยนิสัยชอบจดโน้ต “วสุพล” ขีดๆ เขียนๆ ไอเดียนั้นทิ้งไว้ จนเมื่อต้นปี 2567 ต้องมีการออกแคมเปญใหม่ จึงไปรื้อเจอไอเดีย “ซีอิ๊วแผ่น” ที่เกิดจากการคุยเล่นค้างไว้ ใครเลยจะรู้ว่า ผ่านมา 2 ปีให้หลัง จาก “ซีอิ๊วแผ่น” จะกลายเป็น “ซีอิ๊วเม็ด” ได้อย่างทุกวันนี้

“เราโน้ตไว้เพราะเป็นคนชอบจดอยู่แล้ว ไปเจอซีอิ๊วแผ่นเลยลองรื้อมาทำจนมาจบที่ซีอิ๊วรูปแบบเม็ด หลังจากกระแสโซเชียลดีมากๆ เลยพัฒนาโปรดักต์ตัวนี้ต่อเกือบปี เพื่อให้ได้มากกว่าการนำมาละลายน้ำแล้วเป็นซีอิ๊ว ผมอยากให้ซีอิ๊ว 1 เม็ด ผัดใส่กระทะได้เลยโดยไม่ต้องละลายน้ำ หรือจะนำไปต้มใส่น้ำก็กลายเป็นน้ำซุปสุกี้ชาบูได้เลย และสุดท้าย ค่อยเอาเม็ดไปละลายน้ำแล้วออกมาเป็นซีอิ๊วได้ นี่คือสิ่งที่ผมทำเพื่อให้ตอบโจทย์ผู้บริโภคทั้งหมด ประจวบเหมาะกับการเจอน้องพีพีบ่อยในช่วงนั้น จึงเป็นจุดเริ่มต้นของที่ไปที่มาทั้งหมดนี้”

เด็กอายุ 27 ปี มีลูกน้อง 300 คน กับความฝันพาเด็กสมบูรณ์สู่ “Global Brand”

ปัจจุบัน “ท็อป-วสุพล” รับผิดชอบงานขายและการตลาดภายในประเทศทั้งหมด โดยพนักงานภายใต้การดูแลของวสุพลมีอยู่ทั้งสิ้นเกือบๆ 300 คน นับเป็นความท้าทายอย่างมากของผู้บริหารมือใหม่วัย 27 ปี ซึ่งนอกจากวสุพลแล้ว ตอนนี้ก็มีน้องๆ เข้ามาช่วยดูแลร่วมด้วย โดยน้องชายคนที่สามดูงานขายภายในประเทศส่วน “General Trade” คือบรรดาร้านค้าตัวแทนจำหน่ายตามชุมชน และศูนย์กระจายสินค้า เป็นต้น

ทายาทรุ่นที่ 3 บอกว่า เป้าหมายระยะยาว คือการพาเด็กสมบูรณ์ไปสู่การเป็นแบรนด์ระดับโลก ลงลึกในรายละเอียดนิยามคำว่า “Global Brand” ของแต่ละคนก็เขียนไว้ไม่เหมือนกัน หากใช้ตัวชี้วัดเรื่องการส่งออกตอนนี้ “เด็กสมบูรณ์” ก็ถือเป็นแบรนด์ระดับโลกไปแล้ว เพราะส่งออกมากถึง 80-90 ประเทศ

ทำไมต้องทำซีอิ๊วเม็ด ? คุยกับ ‘ท็อป-วสุพล’ ที่อยากให้ ‘เด็กสมบูรณ์’ อยู่ไปอีก 200 ปี

ทว่า สำหรับวสุพลกลับมองต่างออกไป นิยาม “Global Brand” อาจมีหลายความหมาย คนในประเทศนั้นๆ ต้องใช้ผลิตภัณฑ์เด็กสมบูรณ์อย่างน้อยๆ 30% ของประชากรหรือไม่ อย่างน้อยที่สุด 1 ใน 30 ครัวเรือนต้องมีเด็กสมบูรณ์คู่ครัวรึเปล่า นี่คือสิ่งที่ “วสุพล” ยังคงทดไว้ในใจ

“เรือลำนี้จะไปจอดสุดปลายทางที่ไหนยังไม่มีใครรู้ ตอนนี้ผมอายุ 27 ปี ผมมีเวลาอีก 33 ปี ในการพาเรือลำนี้แล่นไป ปีๆ หนึ่งเปลี่ยนเร็วมาก บอกไม่ได้ว่า จะไปได้ไกลแค่ไหน หวังว่า อนาคตเราจะได้กลับมาตอบคำถามนี้กันว่า อีก 3 ปี หรือ 33 ปี จะไประดับโลกได้หรือยัง ให้ทุกคนเป็นคนตัดสินใจดีกว่า”