4 ร้าน ‘ก๋วยเตี๋ยวรถเข็น’ สัญชาติไทย อยู่คู่บ้านคู่เมืองนานสุดเฉียด 50 ปี

4 ร้าน ‘ก๋วยเตี๋ยวรถเข็น’ สัญชาติไทย อยู่คู่บ้านคู่เมืองนานสุดเฉียด 50 ปี

เปิดประวัติ 4 ร้านก๋วยเตี๋ยวข้างทาง ครองใจคนไทยยาวนานหลายทศวรรษ พบ “ชายสี่บะหมี่เกี๊ยว” มาทีหลังแต่โตแรงสุด กวาดรายได้ทะลุพันล้านบาท ด้าน “โกเด้ง-โฮเด้ง” มีผู้ก่อเป็นเครือญาติกับเจ้าของ “ลูกชิ้นแชมป์-นายฮั้งเพ้ง” ตระกูลนักการเมืองดังจังหวัดระนอง

ไม่ใช่แค่ข้าวราดแกงเท่านั้น แต่ “ก๋วยเตี๋ยว” ก็นับเป็นอาหารจานหลักของคนไทยเช่นกัน เพราะแม้จะได้รับอิทธิพลจากจีนแผ่นดินใหญ่ แต่นานวันเข้าอาหารประเภทเส้นก็ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมอาหารไทยไปโดยปริยาย ได้รับความนิยมแบบที่สามารถหากินได้โดยง่าย ทั้งตามร้านอาหารทั่วไปรวมถึงร้านรถเข็นข้างทางในรูปแบบ “สตรีทฟู้ด” ซึ่งในบรรดาหลายร้อยเจ้าที่เกิดขึ้น มีอยู่ราวๆ 3-4 แห่งที่ประสบความสำเร็จในการขยายร้านแฟรนไชส์ กระจายตัวหลักร้อยถึงหลักพันสาขาทั่วประเทศ

ในแง่จำสาขา “ชายสี่บะหมี่เกี๊ยว” กินสัดส่วนมากที่สุด มีอยู่เกือบๆ 5,000 แห่งทั่วประเทศ โดยร้านชายสี่บะหมี่เกี๊ยวเกิดจากการเห็นช่องว่างในตลาดที่ยังไม่มีร้านก๋วยเตี๋ยวรถเข็นกระจายตัวมากเท่ากับวันนี้ ขณะที่เจ้าแรกๆ ของตลาดลูกชิ้นอย่าง “ลูกชิ้นแชมป์-นายฮั้งเพ้ง” เริ่มขายแฟรนไชส์ร้านก๋วยเตี๋ยวหลังจากธุรกิจลูกชิ้นประสบความสำเร็จไปแล้วหลายปี ถึงขนาดที่ผู้ก่อตั้งอย่าง “บดินทร์ ฉัตรมาลีรัตน์” หรือที่คนในพื้นที่เรียกกันว่า “เสี่ยบดินทร์” ได้รับสมญานามว่า “เจ้าพ่อลูกชิ้น”

4 ร้าน ‘ก๋วยเตี๋ยวรถเข็น’ สัญชาติไทย อยู่คู่บ้านคู่เมืองนานสุดเฉียด 50 ปี

ทำเส้นบะหมี่ขาย เปิดแฟรนไชส์ “ชายสี่บะหมี่เกี๊ยว” สู่เป้าหมายเจ้าพ่อสตรีทฟู้ด

“ชายสี่บะหมี่เกี๊ยว” เริ่มจาก “พันธ์รบ กำลา” สวมหมวกพ่อค้าขายบะหมี่ริมทางตั้งแต่ปี 2537 ด้วยจังหวะเวลาที่เหมาะสมทำให้ร้านรถเข็นของพันธ์รบเติบโตอย่างต่อเนื่อง ขายได้เพียง 2 ปี ก็มีเงินเก็บราวๆ 700,000 บาท แต่จุดเปลี่ยนที่ทำให้ “พันธ์รบ” หันหน้าสู่การปลุกปั้นชายสี่บะหมี่เกี๊ยว มาจากความคิดที่อยากจะผลิตเส้นบะหมี่เป็นของตัวเอง เพราะมองว่า ของที่รับมาไม่ได้มาตรฐาน รวมถึงในเวลาต่อมาชื่อเสียงของร้านบะหมี่ก็เริ่มเป็นที่รู้จักจากการออกรายการทีวี “เกมแก้จน”

เมื่อคนแถวบ้านเห็นว่า ร้านบะหมี่รถเข็นของ “พันธ์รบ” ขายดี ก็เริ่มมาขอซื้อแฟรนไชส์ จากที่ไม่มีความรู้เรื่องกำไร-ขาดทุน ไม่มี “Business Model” พันธ์รบเริ่มจากการคิดชื่อร้าน มองว่า ไม่ควรเกิน 4 พยางค์เพื่อง่ายต่อการจดจำ ตอนแรกก็คิดไว้หลายชื่อโดยอยากให้เป็นคำคล้องจอง-ติดปาก ตั้งแต่ “ราชินีบะหมี่เกี๊ยว” หรือ “ป๊ะป๋าบะหมี่เกี๊ยว” แต่สุดท้ายก็มาลงเอยที่ “ชายสี่บะหมี่เกี๊ยว”

ปัจจุบัน “ชายสี่บะหมี่เกี๊ยว” รีแบรนด์สู่ “ชายสี่ คอร์ปอเรชั่น” โดยผู้บริหารเคยเล่าถึงเป้าหมายระยะยาวหลังจากนี้ไว้ว่า จะไม่หยุดแค่ร้านบะหมี่รถเข็น เพราะอันที่จริงแล้วในเครือชายสี่ฯ ยังมีร้านอื่นๆ อย่าง “พันปีหมี่เป็ดย่าง” “ชายใหญ่ข้าวมันไก่” “ไก่หมุนคุณพัน” ฯลฯ ซึ่งนอกจากร้านในเครือแล้ว ชายสี่ฯ ยังเติมพอร์โฟลิโอด้วยการเข้าถือหุ้นใหญ่ในแบรนด์ของคาวของหวานน่าจับตามองอีก 2-3 แห่ง สร้างภาพจำในฐานะเจ้าแห่งสตรีทฟู้ด เพื่อไปให้ถึงเป้าใหญ่อย่างการเข้าตลาดหุ้น และรายได้หลักหมื่นล้าน

สำหรับตัวเลขผลประกอบการของ “บริษัท ชายสี่ คอร์ปอเรชั่น จำกัด” ทำเงินทะลุ “พันล้าน” ได้สำเร็จในปี 2562 ติดสปีดทำกำไรสุทธิแตะ “ร้อยล้าน” ได้ในปี 2566 ส่วนสาขาทั้งหมดตอนนี้เฉพาะ “ชายสี่บะหมี่เกี๊ยว” มีอยู่เกือบๆ 5,000 แห่ง ผู้บริหารมองว่า เต็มที่คงขยายได้อีกไม่เกิน 6,000 แห่ง พร้อมกับต้องเร่งปรับปรุงแบรนด์ลูก-ตกแต่งพอร์ตในขาอื่นๆ ให้ครบลูปมากยิ่งขึ้น 

4 ร้าน ‘ก๋วยเตี๋ยวรถเข็น’ สัญชาติไทย อยู่คู่บ้านคู่เมืองนานสุดเฉียด 50 ปี

ขายของสารพัดอย่าง จนมาจบที่ “ลูกชิ้นแชมป์-นายฮั้งเพ้ง”

แบรนด์ลูกชิ้นที่ตั้งชื่อตามผู้ก่อตั้งอย่าง “เสี่ยบดินทร์” หรือ “บดินทร์ ฉัตรมาลีรัตน์” โดย “ฮั้งเพ้ง” คือชื่อแรกโดยกำเนิดที่พ่อแม่เป็นคนตั้งให้ ชีวิตวัยเด็กของฮั้งเพ้งหรือเสี่ยบดินทร์ทำมาแล้วทุกอย่าง อะไรหยิบจับแล้วได้เงินเด็กชายฮั้งเพ้งทำหมด กระทั่งวันหนึ่งเขาอยากมีกิจการเป็นของตัวเองจึงคิดกู้เงินนอกระบบเพื่อไปเรียนสูตรทำราดหน้า ผลปรากฏว่า ฮั้งเพ้งเปิดร้านราดหน้าได้สำเร็จ กิจการดำเนินไปได้ด้วยดี แต่สุดท้ายก็มีอันต้องปิดร้านเพราะภรรยาตั้งท้อง ทำให้ไม่มีเวลาดูแลร้านได้อย่างเต็มที่

เวลาผ่านไป ลูกของฮั้งเพ้งเริ่มโตจนเข้าโรงเรียนได้ เขากลับมาคิดตั้งหลักทำธุรกิจอีกครั้ง ครั้งนี้ไม่ได้คิดถึงร้านราดหน้าอีกแล้ว แต่สนใจอยากทำลูกชิ้นขายมากกว่าเพราะเห็นว่า คนไทยชอบกินลูกชิ้น “ฮั้งเพ้ง” เริ่มจากนำเงินเก็บไปซื้อเครื่องทำลูกชิ้น ฝึกบีบลูกชิ้นด้วยมือ แต่ก็ยังไม่ได้รสชาติตามที่ต้องการสักที ยิ่งดิ้นรนมากเท่าไหร่ก็ยิ่งใช้ทุนเยอะ-เข้าเนื้อมากเท่านั้น

“ฮั้งเพ้ง” ตัดสินใจไปเรียนทำลูกชิ้นเพื่อเรียนรู้หลักการที่ถูกต้อง พร้อมกับกำเงินอีกก้อนมาซื้อรถเข็นก๋วยเตี๋ยว คราวนี้มาถูกทางเพราะขายได้ไม่นานก็เกิดการบอกต่อแบบปากต่อปาก เคล็ดลับ คือร้านก๋วยเตี๋ยวของนายฮั้งเพ้งให้ลูกชิ้นใหญ่และเยอะกว่าเส้น จนเริ่มมีคนขอซื้อลูกชิ้นไปปิ้งขายบ้าง ใส่ก๋วยเตี๋ยวขายบ้าง ต่อมากิจการค่อยๆ ขยายตัว ทำโรงงาน-ซื้อเครื่องจักรใหม่ วางระบบแฟรนไชส์ แตกหน่อจากลูกชิ้นหมูนายฮั้งเพ้งสู่ลูกชิ้นเนื้อแชมป์ กลายเป็น “บริษัท อุตสาหกรรมแชมป์ จำกัด” ผลิตทั้งลูกชิ้นและขายแฟรนไชส์รถเข็นก๋วยเตี๋ยวจนถึงปัจจุบัน

4 ร้าน ‘ก๋วยเตี๋ยวรถเข็น’ สัญชาติไทย อยู่คู่บ้านคู่เมืองนานสุดเฉียด 50 ปี

“เสี่ยบดินทร์” หรือ “นายฮั้งเพ้ง” เสียชีวิตไปช่วงต้นปี 2568 ด้วยวัย 76 ปี นอกจากจะเป็นเจ้าพ่อลูกชิ้นเบอร์ 1 ของประเทศ “เสี่ยบดินทร์” ยังเป็นที่รู้จักของคนในพื้นที่จังหวัดระนอง ในฐานะอดีตนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดระนอง 2 สมัย ลูกชายของเสี่ยบดินทร์ก็ดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดระนองในสมัยปัจจุบันเช่นกัน โดยรถเข็นก๋วยเตี๋ยวนายฮั้งเพ้งยังนับเป็นแฟรนไชส์รถเข็นก๋วยเตี๋ยวรายแรกของประเทศไทยด้วย

จากพนักงานประจำ กู้เงินออกมาเปิดร้านรถเข็น “โกเด้ง-โฮเด้ง”

ในบรรดาทุกร้าน “โกเด้ง-โฮเด้ง” ถือกำเนิดขึ้นหลังสุด ตัดสายสะดือและยังคงนั่งแท่นผู้บริหารโดย “เลิศพงศ์ ฉัตรมาลีรัตน์” ชีวิตวัยเด็กของ “เลิศพงศ์” เกิดและโตในครอบครัวชาวสวน มีพี่น้องหลายคน ฐานะทางบ้านไม่สู้ดีนัก แต่ก็สามารถขยับขยายได้จากการสอบติดคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จนได้เริ่มทำงานประจำที่แรกในตำแหน่งเจ้าหน้าที่ดูแลการขายอาหารสัตว์และพันธุ์สัตว์ ที่เครือเจริญโภคภัณฑ์ หรือ “CP”

“เลิศพงศ์” จบชีวิตมนุษย์เงินเดือนในตำแหน่งผู้จัดการฝ่ายการตลาดเป็นหมุดหมายสุดท้าย ก่อนจะตัดสินใจกู้เงินก้อนหลักแสนมาธุรกิจส่วนตัว โดยเลิศพงศ์เคยให้สัมภาษณ์ไว้ว่า ตนมาทำธุรกิจรถเข็นก๋วยเตี๋ยวและขายลูกชิ้นเพราะพี่น้องขายลูกชิ้นอยู่แล้ว แต่สุดท้ายบรรดาพี่ๆ น้องๆ ก็เลิกทำไป เป็นตัวของเลิศพงศ์เองที่หันมาหยิบจับ-ปัดฝุ่นใหม่ โดยใช้เคล็ดวิชานักขายที่สั่งสมมาก่อนหน้าวางแผนการตลาด

4 ร้าน ‘ก๋วยเตี๋ยวรถเข็น’ สัญชาติไทย อยู่คู่บ้านคู่เมืองนานสุดเฉียด 50 ปี

ไม่นานหลังจากนั้นธุรกิจขายลูกชิ้นพร้อมกับรถเข็นก๋วยเตี๋ยวก็ดำเนินไปด้วยดี จากขายเองคนเดียวก็เริ่มชักชวนญาติพี่น้องคนใกล้ตัวที่ไม่มีงานทำมาขาย เพราะมองว่า รถเข็นก๋วยเตี๋ยวน่าจะสร้างความมั่นคงได้ “เลิศพงศ์” วางแผนแฟรนไชส์ด้วยการหาทำเลที่ตั้ง ส่งลูกชิ้น-วัตถุดิบต่างๆ ให้ทั้งหมด ด้วยรสชาติและคุณภาพที่ดีทำให้ลูกชิ้นโกเด้ง-โฮเด้งติดตลาด จนมีการก่อตั้งบริษัทอย่างเป็นทางการในปี 2545 และในปี 2547 “บริษัท บิ๊กบอล ฟู้ด จำกัด” ขยายรถเข็นแฟรนไชส์ออกสู่ตลาดทั่วทั้งประเทศ

ปัจจุบัน “โกเด้ง-โฮเด้ง” มีรายได้ปี 2566 “720 ล้านบาท” กำไรสุทธิ “34 ล้านบาท” โดยมีการปรับโฉมร้านรถเข็นให้มีความทันสมัย อีกทั้งยังบุกแพลตฟอร์มออนไลน์ เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคได้ครบทุกมิตินั่นเอง

“นำชัย-นายเล้ง” ลูกชิ้น “Underrated” ในมือทายาทรุ่นที่ 2

น่าจะเป็นลูกชิ้นเจ้าแรกๆ ในไทย เพราะมีอายุนานกว่า 42 ปีแล้ว สำหรับ “ลูกชิ้นนำชัย-นายเล้ง” ที่มีจุดเริ่มต้นจาก “สมชัย-พาณี จิตต์เที่ยง” พ่อและแม่ของ “ลาภ จิตต์เที่ยง” ทายาทรุ่นที่ 2 ลูกชิ้นนำชัยเป็นลูกชิ้นเนื้อวัวแท้ หลังจากได้รับความนิยมมากขึ้นครอบครัวจิตต์เที่ยงก็ขยายกิจการสู่ลูกชิ้นหมูนายเล้ง หลังจากนั้นก็หันมาทำเส้นบะหมี่ตราหงส์หงส์จนธุรกิจเติบโตไปได้ด้วยดี ขยายสู่แฟรนไชส์ร้านก๋วยเตี๋ยวกระจายทั่วประเทศ

4 ร้าน ‘ก๋วยเตี๋ยวรถเข็น’ สัญชาติไทย อยู่คู่บ้านคู่เมืองนานสุดเฉียด 50 ปี

“ลาภ จิตต์เที่ยง” เคยให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ช่อง 7 สี ว่า เดิมทีตนทำอาชีพคุณหมอ แต่ก็เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดขึ้น เมื่อรุ่นที่ 1 เสียชีวิตในเวลาไล่เลี่ยกันทั้งคู่ ตนเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงเพียงคนเดียวของครอบครัวจึงต้องรับช่วงกิจการต่อ โดย “นำชัย-นายเล้ง” ในมือของลาภต้องการยกระดับให้ธุรกิจเป็นที่รู้จักมากขึ้น เพราะแม้ว่า กิจการจะดำเนินมายาวนานเกือบครึ่งศตวรรณ แต่กลับเป็นที่รู้จักในวงแคบ

 

อ้างอิง: Bangkokbiznews 1Bangkokbiznews 2CH 7CH 5Data WarehouseMGR OnlineNation TVPrachachatThai Franchise Center