กล้าที่จะเติบโตอย่าง พลอยเบเกอร์มอลล์

แต่ "พลอยเบเกอร์มอลล์" ภายใต้การบริหารของบริษัท โชติปทุมวรรณ จำกัด ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าความมุ่งมั่นและการปรับใช้เทคโนโลยีอย่างเหมาะสมสามารถสร้างการเติบโตอย่างก้าวกระโดดได้อย่างไร

การเริ่มต้นที่เรียบง่าย

ร้าน "พลอยเบเกอร์มอลล์" เริ่มต้นจากการค้าขายวัตถุดิบพื้นฐานทั่วไปในตลาด โดยจำหน่ายสินค้าเช่น แป้ง น้ำตาล ไข่ และอุปกรณ์เบเกอรี่พื้นฐาน

ต่อมาเมื่อลูกค้าหลายรายเริ่มขอให้ร้านนำเข้าแป้งและไส้ซาลาเปาเพื่อนำไปใช้ในธุรกิจของตนเอง ทำให้เกิดแนวคิดขยายสินค้าประเภทใหม่ ๆ เพื่อรองรับความต้องการของตลาดที่เพิ่มขึ้น

แนวคิดนี้ได้รับแรงบันดาลใจจาก เบเกอรี่มอลที่จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นต้นแบบของการทำร้านจำหน่ายวัตถุดิบเบเกอรี่ในลักษณะครบวงจร อีกทั้งลูก ๆ ที่เรียนจบด้านการตลาดและบริหารธุรกิจได้นำโมเดลธุรกิจนี้มาวิเคราะห์ ปรับปรุง และอุดรอยรั่วที่พบ เพื่อทำให้พลอยเบเกอร์มอลล์สามารถขยายตัวได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน

การขยายธุรกิจและการจัดตั้ง Mall หลายสาขา

หลังจากที่คนรุ่นใหม่เข้ามาบริหาร พลอยเบเกอร์มอลล์ได้เพิ่มสินค้าและขยายประเภทสินค้าให้ครอบคลุมมากขึ้น จากเดิมที่จำหน่ายวัตถุดิบเพียงไม่กี่ชนิด กลายเป็นศูนย์รวมที่มีสินค้าหลายหมวดหมู่ เช่น วัตถุดิบเบเกอรี่ อุปกรณ์ทำขนม แพ็คเกจจิ้ง และอุปกรณ์ตกแต่งเค้ก

การขยายตัวนี้นำไปสู่การจัดตั้งเป็น "มอลล์" ที่รวมสินค้าครบวงจรสำหรับคนทำเบเกอรี่ การเติบโตอย่างรวดเร็วส่งผลให้จำนวนพนักงานเพิ่มขึ้นจากเพียง 10 คน เป็นกว่า 100 คนในปัจจุบัน ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญที่ต้องมีระบบบริหารจัดการที่ดีเพื่อให้ธุรกิจดำเนินไปได้อย่างราบรื่น

การนำเทคโนโลยีเข้ามาปรับใช้ในธุรกิจ

พลอยเบเกอร์มอลล์ได้นำระบบบริหารจัดการร้านค้าสมัยใหม่มาใช้ เช่น ระบบERPและ POS เพื่อช่วยบริหารสต็อกสินค้า การขาย และการวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าแบบเรียลไทม์ ช่วยลดข้อผิดพลาดในการจัดการ และเพิ่มความสะดวกในการให้บริการลูกค้า นอกจากนี้ ยังขยายช่องทางการขายออนไลน์ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าในยุคดิจิทัล

การเปลี่ยนผ่านจากร้านค้าแบบดั้งเดิมสู่ระบบ Mall

จากธุรกิจรุ่นพ่อแม่ซึ่งเป็นผู้ริเริ่ม ต้องปรับตัวจากการค้าขายแบบดั้งเดิมไปสู่ระบบที่มีโครงสร้างและกระบวนการจัดการที่ซับซ้อนมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม พวกเขายังคงรักษาเอกลักษณ์ของการค้าขายในแบบเดิม เช่น การทักทายลูกค้าอย่างเป็นกันเอง และการให้บริการที่อบอุ่นแบบตลาดดั้งเดิม ซึ่งช่วยให้ลูกค้ารู้สึกใกล้ชิดและผูกพันกับร้านเสมอ

การขยายสาขาและจุดเปลี่ยนของธุรกิจ

หนึ่งในจุดเปลี่ยนสำคัญของธุรกิจคือการตั้งคำถามว่า "ทำไม 7-Eleven ถึงสามารถขยายสาขาได้อย่างต่อเนื่อง?"

คำตอบอยู่ที่การใช้ระบบและการมีคนบริหารที่เป็นมืออาชีพ พลอยเบเกอร์มอลล์จึงนำแนวคิดนี้มาประยุกต์ใช้ โดยการนำระบบบริหารจัดการมาใช้เพื่อให้สามารถขยายสาขาได้อย่างมีประสิทธิภาพ ปัจจุบันร้านมีหลายสาขาในจังหวัดเพชรบูรณ์ ได้แก่ คลองศาลา หล่มสัก ศรีเทพ และหล่มเก่า

มิติด้าน ESG และความยั่งยืน

พลอยเบเกอร์มอลล์ให้ความสำคัญกับแนวทาง ESG (สิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล) โดยมีแนวทางดังนี้:

สิ่งแวดล้อม: ติดตั้งโซลาร์รูฟในทุกสาขาเพื่อลดการใช้พลังงานไฟฟ้าจากแหล่งพลังงานฟอสซิล

สังคม: สนับสนุนเกษตรกรท้องถิ่นโดยนำสินค้าพื้นเมืองและสินค้า OTOP มาจำหน่ายในร้าน ช่วยให้เกษตรกรมีช่องทางจำหน่ายที่มั่นคง

ธรรมาภิบาล: นำระบบบัญชีเดียวมาใช้ เพื่อให้การบริหารจัดการเป็นไปอย่างโปร่งใสและมีมาตรฐาน

การส่งต่อธุรกิจสู่รุ่นลูก

การเติบโตของพลอยเบเกอร์มอลล์ไม่ได้เป็นเพียงผลจากการขยายธุรกิจเท่านั้น แต่ยังมาจากการบริหารงานที่มีการส่งต่อความรู้และบทบาทให้กับคนรุ่นใหม่

ลูก ๆ ของครอบครัวเข้ามามีบทบาทสำคัญในการนำระบบบริหารจัดการที่ทันสมัยเข้ามาปรับใช้ เช่น ระบบการจัดการสินค้า ระบบบัญชี และช่องทางการขายออนไลน์ ทำให้สามารถควบคุมต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานได้อย่างเป็นระบบ

ในขณะที่พ่อแม่ยังคงมีบทบาทเป็นที่ปรึกษา คอยให้คำแนะนำและตัดสินใจในภาพรวม แต่เปิดโอกาสให้ลูกได้ลงมือบริหารและพัฒนาธุรกิจด้วยแนวคิดที่ทันสมัย

ส่งผลให้พลอยเบเกอร์มอลล์สามารถเติบโตได้อย่างก้าวกระโดดและตอบสนองความต้องการของตลาดยุคใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

พลอยเบเกอร์มอลล์เป็นตัวอย่างที่ดีของ SME ที่สามารถเติบโตอย่างก้าวกระโดดได้ด้วยการปรับตัวและการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ในการบริหารจัดการ การขยายธุรกิจอย่างเป็นระบบ การรักษาความสัมพันธ์กับลูกค้า และการให้ความสำคัญกับความยั่งยืน

ทำให้ร้านกลายเป็นศูนย์กลางวัตถุดิบและอุปกรณ์เบเกอรี่ที่ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าในจังหวัดเพชรบูรณ์และพื้นที่ใกล้เคียง ไม่ว่าจะเป็น ผู้ที่เริ่มต้นทำเบเกอรี่หรือผู้ประกอบการที่ต้องการขยายธุรกิจ พลอยเบเกอร์มอลล์คือพาร์ทเนอร์ที่พร้อมจะเติบโตไปด้วยกัน.