M - SSSG ปรับเพิ่มอย่างแข็งแกร่ง (26 ส.ค. 2565)

M - SSSG ปรับเพิ่มอย่างแข็งแกร่ง (26 ส.ค. 2565)

SSSG ในเดือนกรกฎาคมสูงถึง +170% YoY จากฐานที่ต่ำมากในปีที่แล้ว (SSSG ของร้านสุกี้ MK อยู่ที่ -48% และของร้านยาโยอิอยู่ที่ -40% ใน 3Q64) และมีวันหยุดพิเศษหลายวันในเดือนกรกฎาคม 2565 โดยโมเมนตัมยอดขายน่าจะเร่งตัวขึ้น QoQ ใน 3Q65

ในขณะที่ต้นทุนวัตถุดิบบางรายการยังคงขยับสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะเป็ด ซึ่งอาจจะทำให้อัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ใน 3Q65 ลดลงบ้างเล็กน้อยจาก 65.3% ใน 2Q65 ทั้งนี้ เราคาดว่า GPM เฉลี่ยในปีนี้จะอยู่ที่ 65.9% (เท่ากับใน 2H65F จะอยู่ที่ 66.4%) โดยบริษัทคาดว่ายอดขายใน 2H65F จะดีขึ้น HoH และผลการดำเนินงานน่าจะกลับไปอยู่ระดับก่อน COVID ระบาดได้ในปีหน้า

 

จะได้รับผลกระทบเพียงเล็กน้อยจากการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ

บริษัทยังคงบริหารจัดการต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีการนำหุ่นยนต์มาใช้ในการเสิร์ฟอาหารและปฏิสัมพันธ์กับลูกค้า ซึ่งส่งผลดีต่อการบริหารจัดการต้นทุนพนักงาน ส่วนในกรณีการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ (เราใช้สมมติฐานว่าจะมีการปรับขึ้น 5-8%) เราคาดว่าจะทำให้ค่าใช้จ่าย SG&A เพิ่มขึ้นประมาณ 1% โดยพนักงานที่ได้ค่าจ้างตามค่าแรงขั้นต่ำคิดเป็นสัดส่วน 10% ของค่าใช้จ่าย SG&A ทั้งหมด

 

 

Valuation and action

เรายังคงมองว่าผลประกอบการของ M จะดีขึ้น HoH ใน 2H65F เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจดีขึ้น ในขณะที่ มองว่าประมาณการรายได้ปีนี้ยังมี upside อีก (เราใช้สมมติฐาน SSSG ที่ 28.5%) แต่ GPM อาจจะถูกกดดันจากต้นทุนวัตถุดิบที่แพงขึ้น (เราใช้สมมติฐาน GPM ที่ 65.9%) อย่างไรก็ตาม เรามองว่าผลเชิงบวกของยอดขายที่เพิ่มสูงจะมากกว่าผลกระทบของต้นทุน เรายังคงคาดว่ากำไรสุทธิจะโตถึง 1,215% ในปีนี้ และจะโตอีก 34% ในปี 2566 ทั้งนี้ เนื่องจากเราคาดว่าผลการดำเนินงานจะกลับเป็นปกติในปีหน้า เราจึง de-rate PE ลงเหลือ 27x (เท่ากับค่าเฉลี่ยในอดีตของ M) จากเดิมที่ 31x นอกจากนี้ เรายังขยับไปใช้ราคาเป้าหมายปี 2566 ที่ 67.50 บาท จากเดิมที่ 58.00 บาท ดังนั้น เราจึงยังคงคำแนะนำซื้อ M

 

Risks

เศรษฐกิจฟื้นตัวช้ากว่าที่คาดไว้, SSSG ต่ำกว่าที่คาด, การแข่งขันในอุตสาหกรรมอาหาร