กรุงไทย ชี้หลังศาล รธน. รับคำร้องนายกฯ 8 ปี กดดัน "บาทอ่อนค่า" เล็กน้อย

กรุงไทย ชี้หลังศาล รธน. รับคำร้องนายกฯ 8 ปี  กดดัน "บาทอ่อนค่า" เล็กน้อย

"กรุงไทย" ชี้หลัง ศาลรัฐธรรมนูญ รับคำร้องนายกฯ 8 ปี ยุติการทำงานชั่วคราวจนกว่าทางศาลพิจารณาเสร็จในเดือนก.ย.นี้ ลดความร้อนแรงทางการเมือง และลดความเสี่ยงเกิดการประท้วงรุนแรงในระยะสั้น กดดันบาทอ่อนค่าลงในเชิงเซนทิเมนต์ ต่างชาติยังเดินหน้าซื้อหุ้นไทย 1.7 พันล้านบาท

นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงิน ตลาดทุน ธนาคารกรุงไทย   กล่าวว่า หลังจากศาลรัฐธรรมนูญ รับคำร้องนายกฯ 8 ปี ให้ “ประยุทธ์” หยุดปฏิบัติหน้าที่ ในช่วงบ่ายวันนี้ (24 ส.ค.) ส่งผลกระทบต่อเซนทิเมนต์ในตลาดเล็กน้อย เนื่องจากไม่ต่างจากที่ตลาดคาดเอาไว้ ทำให้มีจังหวะบาทอ่อนค่าลงมาเล็กน้อยที่ระดับ 36.25 บาทต่อดอลลาร์ และหลังจากนั้นทยอยกลับมาแข็งค่าขึ้นที่ระดับ 36.04 บาทต่อดอลลาร์ และกลับมาปิดตลาดที่ 36.09 บาทต่อดอลลาร์ ใกล้เคียงเปิดตลาดช่วงเช้าที่ระดับ 36.08 บาทต่อดอลลาร์  

ระหว่างวันเงินบาทเคลื่อนไหว อ่อนค่าสูงสุด  36.27 บาทต่อดอลลาร์และแข็งค่าสูงสุดที่   36.02 บาทต่อดอลลาร์ 

ค่าเงินบาทเคลื่อนไหวผันผวน โดยในช่วงแรกมีจังหวะอ่อนค่าไปตามการแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ และการอ่อนค่าลงของค่าเงินหยวน ก่อนที่จะพลิกกลับมาแข็งค่าในช่วงบ่าย โดยส่วนหนึ่งอาจมาจากผลการพิจารณาเบื้องต้นของศาลรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับวาระการดำรงตำแหน่งของนายกรัฐมนตรี ซึ่งการมีมติเป็นเอกฉันท์ให้นายกฯ ยุติการทำงานชั่วคราวจนกว่าทางศาลจะพิจารณาเสร็จสิ้นในเดือนหน้า ก็ช่วยลดความร้อนแรงทางการเมืองและลดความเสี่ยงที่จะเกิดการประท้วงที่รุนแรงในระยะสั้นลงได้ ซึ่งภาพดังกล่าวก็อาจช่วยหนุนแรงซื้อสินทรัพย์เสี่ยงในฝั่งไทย ดังจะเห็นได้จากการที่นักลงทุนต่างชาติยังเดินหน้าซื้อหุ้นไทยสุทธิราว 1.7 พันล้านบาท 

นอกจากนี้ เงินบาทอาจพอได้แรงหนุนจากการรีบาวด์ขึ้นของราคาทองคำ (Correlation ราว 66%, เงินบาทแข็งค่าขึ้น ตามการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำ) จากโซนแนวรับราว 1,740 ดอลลาร์ต่อออนซ์ สู่ระดับ 1,760 ดอลลาร์ต่อออนซ์ 

สำหรับวันพรุ่งนี้ (25 ส.ค.) มองกรอบเงินบาท 35.95-36.25 บาทต่อดอลลาร์  

เรามองว่า ตลาดจะรอจับตาการเผยแพร่ถ้อยแถลงของประธานเฟดในงานประชุม Jackson Hole ในช่วงดึกของวันพฤหัสฯ ซึ่งอาจเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลให้ ตลาดการเงินผันผวนได้ โดยเงินดอลลาร์อาจอ่อนค่าลงได้บ้าง หากถ้อยแถลงของประธานเฟด ไม่ได้ส่งสัญญาณว่าเฟดจะเดินหน้าเร่งขึ้นดอกเบี้ย อย่างที่ตลาดกังวล และแสดงความกังวลแนวโน้มการชะลอตัวลงของเศรษฐกิจมากขึ้น

แต่เรามองว่า ประธานเฟดอาจส่งสัญญาณระบุว่า เฟดยังมีความจำเป็นที่จะต้องเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ย เพื่อควบคุมปัญหาเงินเฟ้อ แต่ประธานเฟดอาจไม่ได้ระบุชัดเจนว่าจะขึ้น 0.50% หรือ 0.75% และอาจระบุว่า เฟดจะติดตามข้อมูลเศรษฐกิจอย่างใกล้ชิด หรือ Data Dependent ก่อนที่จะตัดสินใจปรับขึ้นดอกเบี้ย ทำให้ตลาดอาจไม่ได้กังวลการเร่งขึ้นดอกเบี้ยมากนัก แต่เงินดอลลาร์ก็อาจไม่ได้อ่อนค่าลงชัดเจน และอาจแกว่งตัว sideways 

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์