‘บิทาซซ่า’ปล่อย Freedom Card กลยุทธ์ขยายฐานลูกค้า สู้กระดานเทรดโลก

‘บิทาซซ่า’ปล่อย Freedom Card  กลยุทธ์ขยายฐานลูกค้า สู้กระดานเทรดโลก

ธนาคารที่ให้บริการผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัลที่เกิดขึ้น เข้ามามีส่วนแบ่งทางการตลาด และจำนวนที่เพิ่มขึ้นของผู้ใช้งานโดยเฉพาะในทศวรรษที่ผ่านมา การกำเนิดขึ้นของเทคโนโลยี บล็อกเชนอำนวยความสะดวกเกี่ยวกับบริการทางด้านการเงิน ทำให้แพลตฟอร์มที่เน้นไปที่สกุลเงินดิจิทัล มีโอกาสที่จะนำเสนอวิธีการที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

บริษัท บิทาซซ่า จำกัด(Bitazza Thailand) แพลตฟอร์มโบรกเกอร์ที่ให้บริการซื้อขายคริปโทเคอรร์เรนซี่ซึ่งได้รับอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือก.ล.ต. ได้ประกาศเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ภายใต้ชื่อ “Freedom Card” 

ซึ่งเป็นบัตรเสมือน (Virtual Card) สามารถให้ผู้ใช้งานนำไปใช้ซื้อขายออนไลน์พร้อมกับมีเงินคืนจากการเติมเงินและการ Stakingโดยผู้ใช้งานสามารถสมัครบัตร Freedom Card และรับสิทธิประโยชน์มากมาย เช่น รับ Cash Back สูงสุดกว่า 10% และได้ทั้งรีวอร์ดสะสมจากการวางสเตกสูงสุด 6%

Freedom Card เป็นบริการสำหรับขยายฐานลูกค้าให้สามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์ของ Bitazza ได้มากขึ้น ซึ่งFreedom Card เป็นอีกหนึ่งช่องทางการใช้จ่ายผ่านความร่วมมือกับ Visa ซึ่งสามารถเติมเงินเข้าไปในบัตรด้วยเงินบาท ผ่านแอปฯ บิทาซซ่าได้ทุกที่ทุกเวลา

โดยคุณสมบัติของผู้ถือบัตรคือต้องมีการวาง Stake เหรียญ บิทาซซ่า (BTZ) ตามจำนวนขั้นต่ำที่ได้ระบุไว้ ซึ่งจะมีการแบ่งประเภทสมาชิกด้วยจำนวนเงินที่วางStakeซึ่งอัตราการคืนเงินและสิทธิประโยชน์ก็จะเพิ่มขึ้นตามประเภทของสมาชิก

นอกจากนี้ผู้ถือบัตร Freedom Card สามารถเข้าถึงเครือข่ายการชำระเงินที่ใหญ่ที่สุดในโลก ผ่านทางร้านค้าของVisa ซึ่งสามารถใช้ได้กับผู้ค้า 44 ล้านรายในมากกว่า 200 ประเทศ/เขตพื้นที่ทั่วโลก โดยผู้ใช้งานสามารถสมัครบัตร Freedom Card ได้ตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 30 ก.ย. 65

กลยุทธ์การดำเนินธุรกิจWhitepaper 2.0

ก่อนหน้านี้ทาง Bitazza ได้เปิดตัว Whitepaper 2.0 เผยกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจใหม่ เพื่อให้ผู้ใช้ทำธุรกรรมคริปโทได้อย่างอิสระเสรีมากขึ้น ซึ่งบัตร Freedom Card นี้ก็เป็นส่วนหนึ่งของวิสัยทัศน์ใน Whitepaper 2.0 นี้ด้วย บิทาซซ่าเชื่อว่าบัตร Freedom Card นี้จะเข้ามาเป็นคู่แข่งกับบัตรของ Crypto.com ได้ในอนาคต

การชำระเงินผ่านสกุลเงินคริปโทฯ จะช่วยขับเคลื่อนธุรกิจของบริษัทไม่ว่าจะเป็นความผันผวนของราคา ปัญหาทางกฎหมาย และข้อจำ กัดทางเทคโนโลยี ต่างล้วนทำให้องค์กรต่าง ๆ ที่นำคริปโทไปใช้ชำระเงินได้ยาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากขาดเงินทุนและฐานลูกค้าที่เพียงพอที่จะได้ประโยชน์คุ้มการลงทุนในการสำรวจ

โดย Visa ได้ทำการสำรวจกับผู้ตอบแบบสอบถาม 6,430 คนจากประเทศที่พัฒนาแล้วและกำลังพัฒนาในช่วง ไตรมาสที่ 3 ของปี 2564 และพบว่าการมีส่วนร่วมกับสุกลเงินดิจิทัลแตกต่างกันไปตามอายุ ตัวอย่างเช่น 51% ของผู้ที่เป็นเจ้าของคริปโท มีอายุต่ำ กว่า 35 ปี55 ในขณะที่ 78% ของผู้ที่ไม่ได้มีส่วนร่วม (ไม่ได้เป็นเจ้าของ หรือให้ความสนใจเกี่ยวกับคริปโท) อายุ มากกว่า 35 ปี การค้นพบดังกล่าวสอดคล้องกับแนวคิดที่ว่าการมีส่วนร่วมกับคริปโทจะเพิ่มขึ้นในอนาคต

ด้วยทัศนคติการรองรับต่อธุรกิจ/ผู้ค้าปลีกและความสนใจของผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้นนี้แสดงให้เห็นว่าตลาดของบัตรที่เชื่อมต่อกับคริปโทนั้นถูกกำหนดให้มีการเติบโตสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดเกิดใหม่ โดยมีโซลูชั่นที่เข้าถึงได้ง่าย เช่น Freedom Card ในทำ นองเดียวกัน โซลูชั่น Freedom Wallet แบบไวท์เลเบล ซึ่งนอกจากจะเป็นเครื่องมือการส่งสัญญาณสำหรับ BTZ แล้วนั้น ยังเป็นผลิตภัณฑ์ที่ช่วยให้ธุรกิจสามารถหลีกเลี่ยงความซับซ้อนในการตั้งค่าโซลูชั่นการชำ ระเงินด้วยสกุลเงิน คริปโท และเสริมสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น

สร้างอีโคซิสเต็มแข่งขันกระดานโลก

โทเคนยูทิลิตี้ของบิทาซซ่าจะกลายมาเป็นเหรียญที่มีการใช้งานจริงหลากหลายที่สุดหากเทียบกับเหรียญจากเอ็กซ์เชนจ์อื่น ทั้งส่วนลดค่าเทรดที่ผู้ถือ BTZ ได้รับอยู่แล้ว โครงการ Freedom Card และ Freedom Wallet ที่จะเปิดตัวในปีนี้ที่ ให้ผู้ถือ BTZ ได้สิทธิ์รับเงินคืนจากการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตหากวางสเตกเหรียญ และจะใช้จ่ายได้ด้วย BTZ และ USDF ได้อย่างแพร่หลาย

นอกจากนี้ ช่วงไตรมาสที่ 4 ปี 2565 บิทาซซ่ามีแผนเปิดตัวธุรกิจบริหารจัดการสินทรัพย์ รวมถึงการจัดตั้งองค์กรอัตโนมัติแบบกระจายศูนย์ (DAO) ที่จะมามีส่วนร่วมบริหารระบบนิเวศบิทาซซ่าในระยะยาว ผู้ใช้งานจะได้รับส่วนลดค่า ธรรมเนียมบริการบริหารสินทรัพย์หากวางสเตกเหรียญ BTZ และได้ลงคะแนนนโยบายต่าง ๆ รวมถึงการบริหารคลัง สินทรัพย์และวอลเลทของชุมชน

สุดท้ายนี้สำหรับผู้ที่วางสเตกกับ Bitazza Earn จะได้ผลตอบแทนเป็น BTZ ไม่ว่าจะเพื่อถือ Freedom Card หรือเพื่อ มีสิทธิ์กำกับทิศทางบริหารบิทาซซ่า หรือเพื่อรับผลตอบแทน ก็ต่างจะได้รับดอกเบี้ยตอบแทนเป็น BTZ ทั้งสิ้น

ผลิตภัณฑ์บิทาซซ่า

โทเคนยูทิลิตี้บิทาซซ่า (BTZ) เป็นโทเคนในเครือข่าย ERC-20 และยังมี USD Freedom (USDF) สเตเบิลคอยน์ซึ่งถูกสร้าง โดยการขึ้นกับสกุลเงินที่ออกจากรัฐบาลของแต่ละประเทศ 100% โดยในที่นี้มีการตรึง 1 : 1 กับดอลลาร์สหรัฐฯในระบบ โซลูชั่นบล็อกเชนของ บิทาซซ่า หรือ Decentralized Ethereum Virtual Machine (EVM) ด้วยระบบ delegated Proof-of-Stake (dPoS)

โดยเราคาดการณ์ว่าจะมีการรวม PoS เข้ากับเครือข่าย Ethereum mainnet (หรือที่รู้จักว่า The Merge for Ethereum 2.0) ในปี 256558 เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพการขยายเครือข่าย อีกทั้งยังมีเป้าหมายให้ โทเคน BTZ และ USDF สามารถใช้งานได้ผ่าน Cross-chain หรือ Multi-chain

ขณะที่รายงาน(10.00น. วันที่ 26 ส.ค.65) เหรียญบิทาซซ่า (BTZ) ตามดัชนีคอยน์มาร์เก็ตแคป เคลื่อนไหวที่ราคา 2.70 บาท ปรับตัวลดลง 13.15% ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ซึ่งเคยทำสถิติราคาสูงสุด (นิวไฮ) ที่ 14.46 บาท ในวันที่ 6 เม.ษ.2565 และมีอุปทาน สูงสุด 3 พันล้านBTZ เหรียญ

บริษัท บิทาซซ่า จำกัด เผยงบกำไรขาดทุนในปี 2563 มีกำไร(ขาดทุน) สุทธิ6.3 ล้านบาท จากรายได้รวม46.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้น152.56% จากปี 2562 ที่ขาดทุน 12 ล้านบาท