เอกชนรอลุ้นคำตัดสินศาลรัฐธรรมนูญ รับคำร้องวาระ 8 ปี พล.อ.ประยุทธ์
หลังที่ศาลรัฐธรรมนูญ มีมติ 5:4 รับคำร้องวาระ 8 ปี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี โดยสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่เอาไว้ก่อนเป็นการชั่วคราวจนกว่าจะมีคำวินิจฉัย “ภาคเอกชนธุรกิจ” ต่างมองว่าระยะสั้นจะไม่กระทบต่อเศรษฐกิจ
หลังที่ศาลรัฐธรรมนูญ มีมติ 5:4 รับคำร้องวาระ 8 ปี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี โดยสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่เอาไว้ก่อนเป็นการชั่วคราวจนกว่าจะมีคำวินิจฉัย “ภาคเอกชนธุรกิจ” ต่างมองว่าระยะสั้นจะไม่กระทบต่อเศรษฐกิจ หากห่วงในภาวะสุญญากาศ อาจกระทบความเชื่อมั่น และการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ
นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า กระบวนการของศาลรัฐธรรมนูญน่าจะเสร็จภายใน 1 เดือน เป็นการตัดสินเชิงนิติธรรมของศาลรัฐธรรมนูญ ที่ให้พักปฏิบัติหน้าที่ไปก่อน ซึ่งต้องรอผลตัดสินออกมาระยะถัดไป ซึ่งแม้นายกฯ จะหยุดปฏิบัติหน้าที่ แต่การประชุม ครม.และการพิจารณาต่างๆ ของรัฐบาลยังเดินต่อได้
สำหรับช่วงนี้คงมองหลายแนวทางว่าจะออกมาในมุมไหน ทั้งนายกรัฐมนตรีรักษาการหรือผู้ที่จะมาเป็นนายกรัฐมนตรีแทน หรือการยุบสภา ตามที่หลายฝ่ายได้วิเคราะห์ซึ่งจะกระทบความเชื่อมั่นและเสถียรภาพของรัฐบาลบ้าง แต่หลายเรื่องที่กำลังดำเนินการอยู่ทั้งเรื่อง ฟื้นฟูเศรษฐกิจและการเป็นเจ้าภาพ APEC ก็จัดได้ต่อไป
ทั้งนี้ภาคเอกชนเดินหน้าขับเคลื่อนเศรษฐกิจต่อไป แต่อาจมีบางส่วนเข้าสู่มุมเรื่อง Wait &See เช่น การลงทุน เพื่อรอความชัดเจนบางส่วน สิ่งสำคัญที่ภาคเอกชน มองตอนนี้ คือ การเร่งสร้างความเชื่อมั่น และความเข้มแข็งของเศรษฐกิจไทยใน4 เดือนที่เหลือ และปี2566ซึ่งตอนนี้การท่องเที่ยวและการส่งออก กลับมาแล้ว ซึ่งผลวันนี้ที่ออกมาก็ไม่กระทบต่อทั้ง 2 ด้านซึ่งเบื้องต้นภาคเอกชนมองกรอบการเติบโตปีนี้ อยู่ที่ 2.75-3.5% เหมือนเดิมอยู่
ห่วงกระตุ้นเศรษฐกิจสะดุด
นายชัยชาญ เจริญสุข ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) กล่าวว่า ระยะสั้นไม่น่ากระทบต่อภาพรวมการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของไทย โดยเฉพาะในภาคการส่งออกนั้น มีคำสั่งซื้อล่วงหน้าอยู่แล้ว และยังโชคดีที่งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2566 ผ่านความเห็นชอบของสภาไปแล้ว ซึ่งทำให้งานประจำสามารถเดินไปต่อไปได้ แต่กังวลนโยบายมาตรการเยียวยาด้านเศรษฐกิจอาจหยุดชะงักในอนาคต รวมทั้งการเจรจาการค้า การขยายตลาด ก็ได้รับผลกระทบบ้าง เพราะจะต้องได้รับการตัดสินใจจากรัฐบาล
ทั้งนี้ สรท.หวังว่าการพิจารณาตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญจะพิจารณาและสรุปได้เร็วที่สุดเพื่อให้เกิดสุญญากาศทางการเมืองนานจนเกินไป ซึ่งจะกระทบต่อเศรษฐกิจไทย ถือเป็นความเสี่ยงสำคัญของประเทศ จึงอยากให้มีข้อสรุปเรื่องนี้โดยเร็วเพื่อให้ประเทศเดินหน้าต่อไปได้ เพราะหากเกิดสุญญากาศทางการเมืองนานย่อมมีผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของต่างประเทศแน่นอน รวมทั้งภาคการลงทุนในอนาคต
ห่วงความเชื่อมั่นภาคธุรกิจ
นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวถึงความเชื่อมั่นภาคเอกชนต่อประเด็นการเมือง ว่า การตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญในวันนี้ช่วยชะลอความตึงเครียดภาคการเมืองออกไปอีก 1 เดือน ก่อนมีคำวินิจฉัย รวมทั้งการสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ของนายกฯ ยังป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาในภายหลังหากศาลรัฐธรรรมนูญวินิจฉัยว่านายกฯ ดำรงตำหน่งครบ 8 ปีแล้ว
อย่างไรก็ตาม ปฏิเสธไม่ได้ว่าปัจจัยด้านการเมืองเป็นส่วนหนึ่งความเชื่อมั่นของภาคอุตสาหกรรม ซึ่งหากการเมืองขาดเสถียรภาพก็จะเพิ่มความเสี่ยงมากขึ้น ซึ่งตอนนี้ยังเร็วเกินไปที่จะบอกได้ว่าภาคอุตสาหกรรมจะผลกระทบมากแค่ไหน ซึ่งเอกชนยังต้องจับตาดูสถานการณ์ในอีก 1 เดือนข้างหน้าอย่างใกล้ชิดว่าจะมีบทสรุปแบบไหน
นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวว่า ไม่กระทบต่อความเชื่อมั่นนักลงทุนสถาบันต่างประเทศ ที่ให้ความสนใจเข้ามาลงทุนในไทย เพราะที่ผ่านมาไม่ว่าจะเป็นการเมืองพรรคไหนเข้ามาบริหารประเทศ รัฐบาลส่วนใหญ่ยังสานต่อนโยบายการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานต่อเนื่อง
ดังนั้น สถานการณ์การเมืองจึงไม่ได้กระทบต่อการตัดสินใจเข้ามาลงทุนในไทย เพราะเมื่อนโยบายของรัฐบาลไม่เปลี่ยนก็ไม่ได้มีผลต่อการมาลงทุน
“ไม่ว่าจะเป็นพรรคการเมืองแบบไหน ตลอดระยะเวลา 20-30 ปีที่ผ่านมาเศรษฐกิจ เรียลเซ็กเตอร์ของไทย และภาคธุรกิจไทยยังมีการพัฒนามาอย่างต่อเนื่องปัจจัยทางเศรษฐกิจ การเมือง และความสามารถในการทำกำไร มองว่าแต่ละปัจจัยต้องแยกกันพิจารณา”
นายภากร กล่าวว่า เป็นที่น่าสนใจ ว่านักลงทุนสถาบันต่างชาติ ไม่ได้มีคำถามต่อประเด็นการเมืองดังกล่าว แต่กลับให้ความสนใจกับ นโยบายการเงินและนโยบายการคลังที่จะสนับสนุนการเติบโตเศรษฐกิจ โดยเฉพาะการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานภาครัฐที่ยังมีอย่างต่อเนื่อง ช่วยสนับสนุนให้ภาคเอกชนไทยขยายการทำธุรกิจและเกิดการลงทุนข้ามประเทศด้วย