‘สมคิด’ เปิดใจคัมแบ็กการเมือง ห่วงศก.ทรุด นักลงทุนเมินไทย ประเทศไร้ทิศทาง
"สมคิด" เปิดใจคัมแบ็กการเมือง นั่งประธานพรรคสร้างอนาคตไทย ชี้ภารกิจเร่งด่วนพรรคต้องกอบกู้เศรษฐกิจ หลังปัญหามรสุมเศรษฐกิจรุมเร้าโลก กระทบไทย ชี้นักลงทุนต่างชาติเมินลงทุนไทยไปเวียดนาม - อินโดฯ ขีดแข่งขันประเทศทรุด หนุนกระจายอำนาจ งบประมาณลงท้องถิ่นสร้างรายได้
วันนี้ ( 8ก.ย.) ที่ ร.ร.รามาการ์เดนท์ ถ.วิภาวดี พรรคสร้างอนาคตไทย จัดงานสัมมนาผู้แสดงเจตจำนงสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ในนามพรรคฯ ทั่วประเทศ โดยไฮไลท์ของการจัดงานในวันนี้คือการเปิดตัว นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานพรรคสร้างอนาคตไทย
นายสมคิด กล่าวบนเวทีสัมมนาของพรรค ต่อหน้าตัวแทนสมาชิกพรรคทั่วประเทศ และสื่อมวลหลายร้อยชีวิตว่าการที่มาในวันนี้คือมาประกาศการสนับสนุน ให้กำลังใจพรรคสร้างอนาคตไทย และยินดีที่จะร่วมงานกับพรรคนี้ในทุกสถานะ ส่วนเรื่องนายกรัฐมนตรีนั้นไม่ใช่เรื่องที่พูดถึงในขณะนี้เพราะคนที่จะเป็นนายกฯนั้นเป็นเรื่องของ “ฟ้าลิขิต”
แต่การที่กลับมาช่วยที่พรรคนี้คือการเป็นผู้นำของพรรคและผู้นำทางปัญญาในการแก้ปัญหาของประเทศ สิ่งที่เป็นห่วงมากขณะนี้คือประเทศไทยกำลังเผชิญกับมรสุมขนาดใหญ่ทางเศรษฐกิจ จากเรื่องของเงินเฟ้อ ราคาพลังงานที่สูง ราคาปุ๋ยก็เพิ่มสูงขึ้นมากจนเป็นต้นทุนของเกษตรกร ขณะที่ภาคการผลิตก็ประสบปัญหาติดขัด ต้นทุนสูงขึ้น
ขณะนี้เศรษฐกิจภายในประเทศก็ยังอ่อนเปลี้ยเพลียแรง เพราะจากสถานการณ์โควิด-19 ทำให้ GDP หดตัวถึง 6.2% หรือกว่า 5 แสนล้านบาท ซึ่งภาวะแบบนี้เป็นปัญหาเศรษฐกิจที่ลึกจริง ๆ ขณะที่เครื่องยนต์เศรษฐกิจของประเทศก็กำลังอ่อนแรง และบางตัวก็ดับสนิทก่อนที่ 4 กุมารจะเจอพิษของการเมือง ที่คอยแต่แสวงหาอำนาจ แต่กลับไม่แสวงหาปัญญา ซึ่งตอนนั้นก็เห็นใจนายกรัฐมนตรี ที่ต้องทำงานแบบรัฐบาลผสม และไม่รู้ว่าใครเป็นนายกฯตัวจริงกันแน่
ขณะที่เศรษฐกิจโลกทุกวันนี้มีปัญหาจริง ๆ และไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ นับเป็นมรสุมใหญ่หลายลูกที่ส่งผลทำให้เศรษฐกิจของหลายประเทศถดถอยพร้อม ๆ กัน ทำให้ราคาสินค้าพุ่งกระฉูดจากราคาน้ำมันที่ปรับเพิ่มขึ้น
ปัญหาใหญ่ในขณะนี้อีกเรื่องคือการที่ปัญหาภายในทั้งการเมืองและเศรษฐกิจ รวมทั้งความสามารถในการแข่งขันของเราลดน้อยถอยลงเรื่อย โครงการเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ก็มีความล่าช้าและติดขัด ถนนทุกสายที่เคยมุ่งมายังประเทศไทยในช่วงที่ตนอยู่ในตำแหน่ง และ4 กุมารทำงานอยู่ มีนักลงทุนทั้งจีนญี่ปุ่นเข้ามาไทยในขณะนั้นจำนวนมาก
แต่ตอนนี้จากที่นักลงทุนเคยสนใจลงทุนในไทยกำลังเลี้ยวไปที่เวียดนาม และอินโดนิเซียทั้งหมด ถามว่าประเทศไทยตอนนี้อยู่ตรงไหนบนเวทีโลก เป็นเรื่องที่ยากที่จะสร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุนในภาวะเช่นนี้ และหากโครงการ EEC ไม่สำเร็จก็ไม่มีทางที่โครงการอื่นจะสำเร็จเพราะนักลงทุนขาดเชื่อมั่น
“ภารกิจของพรรคสร้างอนาคตไทย คือต้องเข้ามากอบกู้เศรษฐกิจ เพื่อสร้างอนาคตให้กับคนรุ่นต่อ ๆ ไป เพราะตอนนี้ประเทศไทยเจอมรสุมหลายอย่างทั้งภายในและภายนอก เรื่องนี้ต้องเร่งหาทางแก้ให้ตรงจุด และจะช้าแบบนี้ไม่ได้
ตอนนี้ไปที่ไหนก็มีแต่คนบอกว่าชีวิตตอนนี้ลำบากจริง ๆ คนจนรายได้ไม่เพิ่ม แต่รายจ่ายสูงขึ้น เกษตรกรรายได้น้อย แต่ปุ๋ยกลับราคาแพง เงินทองไม่มี ความหวังไม่มี แล้วเขาจะมีชีวิตอยู่ต่อได้ยังไง แรงงานก็ค่าแรงไม่เพิ่ม เศรษฐกิจก็ซ้ำร้ายเข้าไปอีก ทั้งหมดนี้เป็นปัญหาที่ต้องไปกอบกู้ และไม่เข้าใจทำไมต้องปล่อยให้ประเทศไทยเป็นอย่างนั้น"
ทั้งนี้การที่จะแก้ปัญหาเศรษฐกิจได้ต้องปฏิรูปเศรษฐกิจในภาคเกษตรและท่องเที่ยวลงไปถึงฐานราก ทำให้คนมีรายได้ โดยเน้นการกระจายอำนาจและงบประมาณลงไปยังท้องถิ่นถึงจะสามารถทำให้คนข้างล่างมีรายได้และความหวังเพิ่มขึ้นได้