ชาวบ้านร้อง พบกากอุตสาหกรรมลักลอบทิ้งเกลื่อน 12 ไร่ จ.ฉะเชิงเทรา

ชาวบ้านร้อง พบกากอุตสาหกรรมลักลอบทิ้งเกลื่อน 12 ไร่ จ.ฉะเชิงเทรา

กรมโรงงานฯ ลงพื้นที่ฉะเชิงเทรา เร่งตรวจสอบแหล่งลักลอบทิ้งกากของเสีย พบทิ้งเกลื่อนกว่า 12 ไร่ ส่งกลิ่นเหม็นจนชาวบ้านทนไม่ไหว ตรวจพบประกอบกิจการมาแล้วเกือบ 10 ปี แต่ไม่เคยมีใบอนุญาต ชี้ชัดผู้ครอบครองของเสียมีความผิด ต้องรับผิดชอบ

นายวันชัย พนมชัย อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม สั่งการด่วนให้ นายพฤกษ์ ศิโรรัตนเศรษฐ์ ผู้อำนวยการกองบริหารจัดการกากอุตสาหกรรม พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กองบริหารจัดการกากอุตสาหกรรม กองวิจัยเเละเตือนภัยมลพิษโรงงาน ศูนย์วิจัยเเละเตือนภัยภาคตะวันออก เจ้าหน้าที่อุตสาหกรรมจังหวัดฉะเชิงเทรา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ ร่วมลงพื้นที่ตรวจสอบบริเวณที่ดินเอกชนว่างเปล่า เนื้อที่ประมาณ 12 ไร่ ซึ่งเดิมเคยเป็นบ่อดินลูกรัง ณ หมู่ที่ 11 บ้านหนองสาธิต ตำบลหัวสำโรง อำเภอเเปลงยาว จังหวัดฉะเชิงเทรา 

โดยชาวบ้านบริเวณโดยรอบได้รับความเดือดร้อนจากกลิ่นเหม็นฟุ้งกระจายตามกระแสลมพัดจากที่ดินดังกล่าว แต่ไม่ทราบสาเหตุการเกิดกลิ่น เนื่องจากที่ดินมีประตูและรั้วรอบขอบชิด ทำให้คนภายนอกไม่สามารถมองเห็นหรือเข้าไปข้างในที่ดินได้

นายวันชัย กล่าวต่อว่า จากการลงพื้นที่ตรวจสอบเบื้องต้น ไม่พบเครื่องจักรเเละคนงาน แต่พบร่องรอยการฝังกลบ และพบสิ่งปฏิกูล กากของเสียอุตสาหกรรมที่อาจเข้าข่ายวัตถุอันตราย ทั้งที่เป็นของแข็ง อาทิ เศษบดย่อยอิเล็กทรอนิกส์ เศษพลาสติก เศษยาง เศษปูน เศษตะกอน ดินปนเปื้อน และของเสียที่เป็นของเหลวปนเปื้อน โดยเฉพาะน้ำปนเปื้อนคล้ายน้ำมัน กระจายรอบขอบเขตแดนเป็นจำนวนมาก 

คาดว่าของเสียน่าจะมาจากโรงงานอุตสาหกรรมหลายแหล่ง จากการพูดคุยกับที่ปรึกษาทางกฎหมายซึ่งได้รับมอบหมายแทนเจ้าของที่ดิน พบว่า ที่ดินแปลงนี้ไม่มีใบอนุญาตประกอบกิจการเเละใบอนุญาตครอบครองวัตถุอันตราย โดยเจ้าของที่ดินมองว่าการขออนุญาตเป็นหน้าที่ของผู้เช่า 
 

ทั้งนี้ กรอ. มีความกังวลถึงน้ำกากของเสียที่อาจมีสารอันตรายปนเปื้อน จะซึมลงไปในพื้นดินและแหล่งน้ำสาธารณะ เนื่องจากบริเวณโดยรอบมีลักษณะเป็นพื้นที่เกษตร อีกทั้งมีชุมชนที่อยู่ห่างออกไป 1-2 กิโลเมตร จึงส่งกลุ่มปฎิบัติการเคลื่อนที่เร็ว กรอ. ตรวจวัดคุณภาพอากาศจำนวน 4 จุด เก็บตัวอย่างสิ่งปฎิกูลหรือวัสดุที่ไม่ใช้แล้ว จำนวน 11 ตัวอย่าง ดิน 1 ตัวอย่าง และน้ำ 4 ตัวอย่าง 

โดยเบื้องต้นผลตรวจวัดค่าความเป็นกรดด่าง (pH) ของสิ่งปฏิกูลและวัสดุที่ไม่ใช้แล้ว และดิน พบว่ามีค่าอยู่ระหว่าง 4.2-10.1 ส่วนน้ำมีค่าอยู่ระหว่าง 7.5-8.1 และจะนำไปตรวจวิเคราะห์ในห้องปฏิบัติการหาค่ามลพิษรายการอื่น เพื่อควบคุมผลกระทบต่อสิ่งเเวดล้อมเเละชุมชน

ล่าสุด กรอ. ได้ลงบันทึกประจำวัน เพื่อดำเนินคดีกับเจ้าของที่ดิน ตาม พ.ร.บ.โรงงาน และ พ.ร.บ.วัตถุอันตราย เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวเป็นที่ดินเปล่าที่ไม่มีการขออนุญาตประกอบกิจการ ไม่ว่าจะเป็นลักษณะโรงงานฝังกลบ หรือการครอบครองวัตถุอันตราย ตลอดจนมีการลักลอบขนย้ายกากของเสียมาทิ้งโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งตามกฎหมาย ผู้ครอบครองของเสียมีความผิด ไม่สามารถปฏิเสธความรับผิดชอบได้ 

ทั้งนี้ กรอ. พร้อมขยายผลติดตามตรวจสอบหาที่มาและกระบวนการลักลอบทิ้ง เพื่อดำเนินการอย่างเฉียบขาดตามกระบวนการทางกฎหมายกับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องต่อไป  ชาวบ้านร้อง พบกากอุตสาหกรรมลักลอบทิ้งเกลื่อน 12 ไร่ จ.ฉะเชิงเทรา