ขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ เริ่ม 1 ต.ค.นี้ เช็ก "นายจ้าง" และ "ลูกจ้าง"

เสียงจากนายจ้างและลูกจ้าง หลัง ครม. ปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ สงขลาจากเดิม 324 บาท เป็น 340 บาทต่อวัน เริ่ม 1 ตุลาคม 2565 

นายอุดม ขวัญโภคา เจ้าของร้านเกาะเสือค้าเหล็ก ตั้งอยู่ถนนนิพัทธ์สงเคราะห์ 2 อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เป็นร้านจำหน่ายเหล็กและเครื่องมือช่างครบวงจร ที่เปิดกิจการมากว่า 20 ปีแล้ว เปิดเผยว่า การที่ ครม. มีมติปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำปี 2565 ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ตุลาคม 2565 นี้ ในส่วนของ จ.สงขลา มติคณะกรรมการค่าจ้างให้ปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำจากเดิม 324 บาท เป็น 340 บาทต่อวัน ในฐานะผู้ประกอบการมองว่า ค่าตอบแทนที่มีการปรับขึ้นได้ผ่านการพิจารณาแล้วว่าไม่ส่งผลกระทบกับผู้ประกอบการมากนัก

ในขณะเดียวกันก็เป็นผลดีกับลูกจ้างคือมีความสมดุลกันทั้ง 2 ฝ่าย ถือเป็นสิ่งที่เหมาะสมกับสถานการณ์ที่ค่าครองชีพและค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นในปัจจุบัน ประกอบกับตนเองก่อนที่จะก้าวมาเป็นผู้ประกอบการได้ผ่านการเป็นลูกจ้างมาก่อนจึงมีความเข้าใจความรู้สึกของลูกจ้างเป็นอย่างดี ทางร้านจึงได้มีการให้ค่าตอบแทนกับลูกจ้างมากกว่าค่าแรงขั้นต่ำมาก่อนหน้านี้แล้ว โดยให้ค่าตอบแทนวันละ 400-1,000 บาท ให้ตามความสามารถและงานที่รับผิดชอบ 

นอกจากนี้ ยังมีค่าอาหารกลางวันให้กับลูกจ้างทุกวันคนละ 60 บาท มีสวัสดิการเป็นเงินเก็บสะสมให้กับลูกจ้างนอกเหนือจากเงินเดือนปีละ 5,000 บาท ซึ่งจะจ่ายเมื่อทำงานครบ 3 ปี เป็นเงิน 15,000 บาท หลังจากนั้นทุกๆ 3 ปีก็จะมีการปรับขึ้นให้ครั้งละ 10% เพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ และมีเบี้ยขยันให้เดือนละ 1,200 บาท สำหรับลูกจ้างที่ตั้งใจทำงานเพื่อเป็นขวัญกำลังใจแก่ลูกจ้าง เพราะตนเองมีแนวคิดว่า ขอให้กิจการเดินไปได้อย่างมั่นคง ไม่ต้องเติบโตเร็วแบบก้าวกระโดด ดำเนินธุรกิจแบบผู้ประกอบการและลูกจ้างสามารถทำงานไปด้วยกันได้อย่างมีความสุข

ด้านนายจักรี จรสุวรรณ หัวหน้าพนักงานของร้านเกาะเสือค้าเหล็ก ทำงานที่ร้านนี้มาตั้งแต่ปี 2543 บอกว่า รู้สึกดีใจและขอบคุณรัฐบาลที่เข้าใจลูกจ้างได้ปรับค่าแรงขั้นต่ำให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันที่ค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันทุกอย่างมีการปรับสูงขึ้น โดยที่ร้านมีลูกจ้างทั้งหมด 27 คน มีการแบ่งงานเป็นแผนก เช่น แผนกงานขาย แผนกงานซ่อมเครื่องมือช่าง และแผนกงานแปรรูปเหล็ก สำหรับสวัสดิการทางร้านที่มอบให้กับลูกจ้างดีมากเพราะมีการจ่ายค่าตอบแทนมากกว่าค่าแรงขั้นต่ำอยู่แล้ว ทำให้มีกำลังใจในการทำงาน ช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่าย บรรเทาความเดือดร้อนในการดำเนินชีวิต แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องใช้จ่ายอย่างประหยัดด้วย