ปอนด์อ่อนค่าต่อเนื่อง หลังบีโออีส่งสัญญาณไม่มีแผนจัดประชุมฉุกเฉิน
ปอนด์ยังคงอ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่ธนาคารกลางอังกฤษ (บีโออี) ออกแถลงการณ์ระบุว่า บีโออี กำลังจับตาสถานการณ์ในตลาดการเงินอย่างใกล้ชิด แต่ส่งสัญญาณว่าบีโออี ไม่มีแผนที่จะจัดการประชุมฉุกเฉินแต่อย่างใด
เมื่อเวลา 23.17 น.ตามเวลาไทยของวันจันทร์(26ก.ย.) ปอนด์ร่วงลง 1.677% สู่ระดับ 1.067 ดอลลาร์ จากระดับ 1.082 ก่อนที่บีโออี จะออกแถลงการณ์ดังกล่าว
ทั้งนี้ บีโออีออกแถลงการณ์ระบุว่า บีโออีกำลังจับตาสถานการณ์ในตลาดการเงินอย่างใกล้ชิด หลังจากที่ปอนด์ทรุดตัวลงแตะระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์เทียบดอลลาร์ในวันนี้
"ทางธนาคารกำลังจับตาสถานการณ์ในตลาดการเงินอย่างใกล้ชิด ท่ามกลางการปรับตัวอย่างมีนัยสำคัญของสินทรัพย์ในตลาดการเงิน โดยบทบาทของนโยบายการเงินคือการสร้างความมั่นใจว่าอุปสงค์จะไม่นำหน้าอุปทานจนทำให้เงินเฟ้อพุ่งขึ้นในระยะกลาง ซึ่งบีโออีจะไม่ลังเลในการปรับอัตราดอกเบี้ยหากมีความจำเป็นเพื่อให้เงินเฟ้อกลับสู่เป้าหมาย 2% อย่างยั่งยืนในระยะกลาง" นายแอนดรูว์ เบลีย์ ผู้ว่าการบีโออี ระบุในแถลงการณ์
อย่างไรก็ดี นายเบลีย์ส่งสัญญาณว่า บีโออีไม่มีแผนที่จะจัดการประชุมฉุกเฉินแต่อย่างใด
"คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของบีโออีจะทำการประเมินสถานการณ์อย่างสมบูรณ์ในการประชุมครั้งต่อไปในเดือนพฤศจิกายน และจะดำเนินการตามที่เห็นสมควร" แถลงการณ์ระบุ
โฆษกของนางลิซ ทรัสส์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ กล่าวว่า รัฐบาลอังกฤษจะไม่แสดงความเห็นใดๆเกี่ยวกับการปรับตัวของตลาดปริวรรตเงินตรา หลังจากปอนด์ดิ่งลงต่ำสุดเป็นประวัติการณ์เทียบดอลลาร์ ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับสถานะทางการคลังของรัฐบาลหลังเปิดเผยมาตรการปรับลดภาษีครั้งใหญ่ในสัปดาห์ที่แล้ว
"ท่านรัฐมนตรีคลังแสดงท่าทีชัดเจนว่าไม่ต้องการแสดงความเห็นเกี่ยวกับความเคลื่อนไหวของตลาด และท่านนายกรัฐมนตรีก็ไม่ต้องการแสดงความเห็นเช่นกัน" โฆษกกล่าว
นอกจากนี้ โฆษกยืนยันว่า รัฐบาลไม่มีแผนที่จะเปลี่ยนแปลงมาตรการต่างๆที่กระทรวงการคลังประกาศออกไปในวันศุกร์ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ รัฐบาลอังกฤษ เปิดเผยมาตรการปรับลดภาษีครั้งใหญ่ รวมทั้งมาตรการเยียวยาภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการพุ่งขึ้นของราคาพลังงาน
รัฐบาลประเมินว่ามาตรการปรับลดภาษีจะมีวงเงินราว 4.5 หมื่นล้านปอนด์ในปี 2569-70 ส่วนมาตรการเยียวยาผลกระทบจากการพุ่งขึ้นของราคาพลังงานมีวงเงินมากกว่า 1 แสนล้านปอนด์
หลายฝ่ายแสดงความกังวลต่อสถานะทางการคลังของอังกฤษจากการก่อหนี้เพิ่มขึ้นของรัฐบาล หลังการเปิดเผยมาตรการดังกล่าว
อย่างไรก็ดี รัฐบาลยืนยันว่าอังกฤษยังคงมีตัวเลขหนี้ต่อจีดีพีต่ำเป็นอันดับ 2 ของกลุ่ม G7 และรัฐบาลมีแผนที่จะเปิดเผยแผนการปรับลดหนี้ในระยะต่อไป
ปอนด์ร่วงลงแตะระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อเทียบกับดอลลาร์ในวันจันทร์ เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานะทางการคลังของรัฐบาลอังกฤษ หลังจากรัฐบาลเปิดเผยมาตรการปรับลดภาษีครั้งใหญ่ในสัปดาห์ที่แล้ว
ตลาดการเงิน คาดการณ์ว่า ธนาคารกลางอังกฤษ (บีโออี) อาจจัดการประชุมฉุกเฉินอย่างเร็วที่สุดในสัปดาห์นี้ และประกาศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งใหญ่เพื่อสกัดการทรุดตัวของปอนด์
ทั้งนี้ บีโออี มีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.50% สู่ระดับ 2.25% ในการประชุมสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งสร้างความผิดหวังต่อนักลงทุนที่คาดว่าบีโออีจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75%
นอกจากนี้ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (MPC) มีความเห็นไม่เป็นเอกฉันท์ในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยกรรมการ 5 รายลงมติให้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ขณะที่ 3 รายลงมติให้ปรับขึ้น 0.75% และ 1 รายให้ปรับขึ้น 0.25%
บีโออี มีกำหนดจัดการประชุมนโยบายการเงินครั้งต่อไปในวันที่ 3 พ.ย. และอีกครั้งในวันที่ 15 ธ.ค. ซึ่งหลายฝ่ายมองว่าอาจช้าเกินไปในการแก้ไขปัญหาการดิ่งลงของปอนด์ในขณะนี้
ธนาคารกลางอังกฤษ กำลังอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก ซึ่งหากไม่ดำเนินการอะไรก็มีความเสี่ยงที่ปอนด์จะยิ่งทรุดหนักลง แต่ถ้าหากธนาคารกลางจัดการประชุมปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อปกป้องค่าเงินก็จะทำให้ตลาดมองว่าอังกฤษซึ่งเป็นตลาดที่พัฒนาแล้วกำลังทำตัวเหมือนกับตลาดที่กำลังพัฒนา ดังนั้นไม่ว่าพวกเขาดำเนินการหรือไม่ดำเนินการต่างก็มีผลเสียทั้งนั้น" นายไมค์ ริดเดลล์ ผู้จัดการพอร์ทของบริษัทอลิอันซ์ โกลบอล อินเวสเตอร์ กล่าว
ซิตี้กรุ๊ป เตือนว่า อังกฤษมีความเสี่ยงที่จะเผชิญวิกฤตความเชื่อมั่นในสกุลเงินปอนด์ และปอนด์อาจดิ่งลงแตะระดับ 1:1 เทียบดอลลาร์
"เราคิดว่าอังกฤษจะประสบความยากลำบากในการหาเงินมาชดเชยการขาดดุลงบประมาณ ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่ย่ำแย่" ซิตี้กรุ๊ป
ขณะที่ดอยซ์แบงก์ ออกรายงานเรียกร้องให้บีโออีจัดการประชุมฉุกเฉินในสัปดาห์นี้ และทำการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งใหญ่
ดอยซ์แบงก์ ระบุว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งใหญ่ในสัปดาห์นี้จะสามารถเรียกคืนความเชื่อมั่นในตลาดเกี่ยวกับความมุ่งมั่นของบีโออีในการควบคุมเงินเฟ้อ