EIC ประเมินส่งออกปีหน้าโตแค่ 2.5% เหตุเศรษฐกิจโลกชะลอตัว
EIC ประเมินส่งออกของไทยปีหน้าโตแค่ 2.5% เหตุเศรษฐกิจโลกชะลอตัว โดยเฉพาะจีนที่ยังไม่ฟื้นตัวจากนโยบายซีโร่ - โควิด และภาคอสังหาริมทรัพย์เปราะบาง
ดร.ปุณยวัจน์ ศรีสิงห์ และ วิชาญ กุลาตี จาก ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ Economic Intelligence Center(EIC) ธนาคารไทยพาณิชย์ ระบุว่า มูลค่าการส่งออกสินค้าของไทยเดือนสิงหาคม 2022 อยู่ที่ 23,632 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัว 7.5%YOY (เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า) เร่งตัวขึ้นจาก 4.3%YOY ในเดือนก่อนหน้า แม้ว่าจะเป็นการขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 18 แต่เป็นการขยายตัวเร่งขึ้นจากปัจจัยฐานต่ำเป็นสำคัญ
สอดคล้องกับมูลค่าการส่งออกหักทองคำในเดือนนี้ ที่ขยายตัว 7.4%YOY เร่งตัวขึ้นจากเดือนก่อนที่ 4.7%YOY โดยหากพิจารณาการส่งออกเดือนสิงหาคมเทียบกับเดือนกรกฎาคม (แบบปรับฤดูกาล) พบว่า หดตัวที่ -4.1%MOM_sa ในภาพรวมการส่งออกของไทยในช่วง 8 เดือนแรกของปี 2022 ขยายตัวได้ดีที่ 11% และ 9.4% หากไม่รวมทองคำ
ภาพรวมการส่งออกรายสินค้าพบว่า (1) สินค้าเกษตรหดตัวต่อเนื่องที่ -10.3% หรือ -12.4%MOM_sa โดยสินค้าหลักที่หดตัวในเดือนนี้ยังคงเป็นการส่งออกผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็ง และแห้งไปจีน ขณะที่ไก่แปรรูป ไก่สดแช่เย็น-แช่แข็ง และข้าวยังเป็นสินค้าสนับสนุนสำคัญ
ในช่วงที่เหลือของปี คาดว่าการส่งออกข้าวของไทย จะได้รับอานิสงส์จากนโยบายการควบคุมการส่งออกข้าวของอินเดีย และเงินบาทอ่อนค่า แต่ปริมาณการเพาะปลูกอาจมีความเสี่ยงจากอุทกภัยในประเทศจากปริมาณน้ำฝนที่มาก และพื้นที่เพราะปลูกที่เริ่มได้รับผลกระทบ
(2) สินค้าอุตสาหกรรมเกษตร แม้ขยายตัวได้ถึง 27.6% แต่กลับหดตัว -5.1%MOM_sa โดยสินค้าที่เป็นปัจจัยหนุนสำคัญในเดือนนี้ ได้แก่ น้ำตาลทราย อาหารทะเลกระป๋อง และแปรรูป และอาหารสัตว์เลี้ยง
(3) สินค้าอุตสาหกรรม แม้ขยายตัวได้ 9.2% แต่หดตัว -2.5%MOM_sa โดยในเดือนนี้มีสินค้าหนุนสำคัญหลายประการ เช่น รถยนต์ อุปกรณ์ และส่วนประกอบ ที่กลับมาขยายตัวครั้งแรกในรอบ 8 เดือน โดยเฉพาะรถยนต์นั่ง เครื่องปรับอากาศ และส่วนประกอบที่ได้รับอานิสงส์จากปัญหาคลื่นความร้อนสูงในหลายภูมิภาค แผงวงจรไฟฟ้า อัญมณี และเครื่องประดับ (หักทอง) เป็นต้น ขณะที่สินค้าอากาศยาน ยานอวกาศ และส่วนประกอบ เม็ดพลาสติก และเคมีภัณฑ์หดตัว
(4) สินค้าแร่ และเชื้อเพลิงหดตัวเป็นครั้งแรกในรอบ 18 เดือนที่ -9.7% หรือคิดเป็น -27.1% MOM_sa จากราคาน้ำมันโลก และค่าการกลั่นที่ปรับลดลงหลังผ่านจุดสูงสุดมาแล้ว
การส่งออกรายตลาดมีสัญญาณชะลอตัวมากขึ้น โดย (1) มูลค่าการส่งออกไปจีนหดตัว -20.1% ในเดือนนี้ นับเป็นการหดตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3 อีกทั้งยังหดตัว -3.5%MOM_sa สอดคล้องกับข้อมูลการนำเข้ารวมของจีนในเดือนสิงหาคม ที่ทรงตัว 0.3%YOY ต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ที่ 1.1% (Bloomberg consensus)
โดยมูลค่าการนำเข้าของจีนจากไทยที่หดตัวสูงสุดในรอบ 31 เดือนที่ -21.3% และดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตของจีนที่ลดลงต่ำกว่าระดับ 50 อีกครั้ง โดยสินค้าฉุดการส่งออกไปจีนที่สำคัญในเดือนนี้ เช่น ผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็ง และแห้ง เหล็ก เหล็กกล้า และผลิตภัณฑ์ เม็ดพลาสติก รถยนต์ อุปกรณ์ และส่วนประกอบ
(2) การส่งออกไปฮ่องกง แม้จะหดตัว -18.1% แต่ปรับดีขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ -31.3%
(3) การส่งออกไปสหรัฐ และยุโรป (EU28) ขยายตัวได้ทั้ง %YOY และ %MOM_sa ในเดือนนี้ แต่ในภาพรวมยังถือว่าเป็นกลุ่มภูมิภาคที่มีความเสี่ยงทางเศรษฐกิจสูง และการส่งออกอาจชะลอลงในระยะถัดไป (4) การส่งออกไป CLMV และ ASEAN5 แม้ยังขยายตัวได้ดีที่ 41.1% และ 5.8% ตามลำดับ แต่หดตัว -0.6%MOM_sa และ -7.9%MOM_sa ตามลำดับ
โดยสรุปถึงแม้ภาพรวมการส่งออกรายตลาดจะขยายตัวได้ในหลายตลาดสำคัญ แต่หากพิจารณาปัจจัยฐานด้วยแล้ว กลับพบสัญญาณการชะลอตัวของการส่งออกที่ชัดเจนมากขึ้น
มูลค่านำเข้าในเดือนสิงหาคม อยู่ที่ 27,848.1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แม้จะขยายตัว 21.3% ชะลอตัวจากเดือนก่อนที่ 23.9% หรือขยายตัว 1.7%MOM_sa โดยในเดือนสิงหาคม การนำเข้าขยายตัวในทุกหมวดสำคัญ นำโดยหมวดสินค้าเชื้อเพลิงที่ยังคงขยายตัวสูงที่ 77.4% ยกเว้นหมวดยานพาหนะ และอุปกรณ์การขนส่งที่หดตัว -4.5%
ในภาพรวมของเดือนนี้ มูลค่าการส่งออกที่ทรงตัว ขณะที่มูลค่าการนำเข้าที่ยังขยายตัวสูง ส่งผลให้ดุลการค้าเดือนนี้ขาดดุล -4,215.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สำหรับในช่วง 8 เดือนแรกของปี 2022 มูลค่าการนำเข้าขยายตัว 21.4% และดุลการค้าขาดดุล -14,131.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
แม้การส่งออกไทยในช่วง 8 เดือนแรกของปีขยายตัวได้ดี แต่เริ่มส่งสัญญาณชะลอตัวลงชัดเจนในเดือนกรกฎาคม และสิงหาคม โดย EIC ประเมินว่าการส่งออกมีแนวโน้มชะลอลงต่อเนื่องในช่วงที่เหลือของปี 2022 และปี 2023 จากความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลกชะลอตัว และความเสี่ยงเศรษฐกิจถดถอยในประเทศคู่ค้าสำคัญ
โดยเฉพาะตลาดจีนที่เผชิญแรงกดดันหลายทาง ทั้งจากปัจจัยภายใน และภายนอกประเทศ เช่น นโยบาย Zero-covid ที่ยังดำเนินอยู่อย่างต่อเนื่อง ความเปราะบางในอสังหาริมทรัพย์ ภัยแล้ง รวมถึงอุปสงค์จากเศรษฐกิจโลกชะลอตัว อีกทั้ง ตลาดสหรัฐ และยุโรปที่เริ่มเห็นสัญญาณเศรษฐกิจชะลอตัวมากขึ้นจากภาวะเงินเฟ้อสูง และนโยบายการเงินตึงตัวแรง อย่างไรก็ตามเงินบาทที่ผันผวน และมีแนวโน้มอ่อนค่ากว่าที่ประเมินไว้เดิม อาจเป็นแรงสนับสนุนให้การส่งออกไทยในช่วงที่เหลือของปีนี้ชะลอตัวต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้
ดังนั้น EIC จึงปรับเพิ่มตัวเลขคาดการณ์มูลค่าการส่งออกไทย (ในระบบดุลการชำระเงิน) ของปี 2022 เป็น 6.3% (จากเดิมที่ประเมินไว้ในช่วงเดือนมิถุนายน ที่ 5.8%) และสำหรับปี 2023 EIC คาดว่ามูลค่าการส่งออกสินค้าจะขยายตัวชะลอลงมาอยู่ที่ 2.5% ตามแนวโน้มเศรษฐกิจโลกชะลอตัว และเงินเฟ้อโลกสูง ซึ่งมีส่วนกดดันกำลังซื้อ และอุปสงค์ของประเทศคู่ค้าหลักของไทย
อย่างไรก็ดี EIC ประเมินว่าการขยายตัวของส่งออกไทยในปี 2023 ส่วนใหญ่เป็นผลมาจากปัจจัยด้านราคาเป็นหลัก ในขณะที่ปัจจัยด้านปริมาณจะหดตัวลงจากผลกระทบเศรษฐกิจคู่ค้าชะลอตัว
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์