พาณิชย์จัดจับคู่เจรจาธุรกิจไทย-ซาอุ ดันสินค้าไทยขายในห้างยักษ์ใหญ่ซาอุ

นายภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า กรมฯ ได้ร่วมมือกับสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.)ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย และบริษัท EMKE Export (Thailand) จัดกิจกรรมจับคู่เจรจาธุรกิจเจาะตลาดตะวันออกกลาง (Resilient growth in the Middle East market: Business Matching with Lulu Hypermarket) เพื่อสร้างโอกาสให้กับผู้ประกอบการไทยในการส่งออกสินค้าไปยังตลาดตะวันออกกลาง ผ่านสาขาของ Lulu Hypermarket ที่มีสาขามากกว่า 200 สาขา โดยมีผู้ประกอบการไทยเข้าร่วมจำนวน 23 บริษัท แบ่งเป็นกลุ่มสินค้าอาหารและเครื่องดื่ม 12 บริษัท เครื่องสำอาง 4 บริษัท และสินค้าอื่น ๆ เช่น อุปโภคบริโภค ผลิตภัณฑ์สมุนไพร ผลิตผลทางการเกษตร 7 บริษัท 

ทั้งนี้การจัดกิจกรรมจับคู่เจรจาธุรกิจระหว่างผู้ประกอบการไทยกับ Lulu Hypermarket เป็นไปตามที่นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้หารือกับชีฮิม โมฮัมหมัด (Mr. Shehim Mohammed) ซึ่งเป็นประธานของ Lulu Hypermarket ในซาอุดีอาระเบีย ในวันที่ 28 สิงหาคม 2565 ช่วงระหว่างการเดินทางเยือนซาอุดีอาระเบีย ระหว่างวันที่ 28-31 ส.ค. 2565 โดยนายจุรินทร์ได้ผลักดันให้ Lulu Hypermarket วางจำหน่ายสินค้าไทยเพิ่มขึ้น และร่วมมือกับฝ่ายไทยจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายระหว่างกันต่อไปในอนาคต และนำมาซึ่งการจัดกิจกรรมในครั้งนี้

สำหรับห้าง Lulu Hypermarket เป็นธุรกิจของบริษัท Lulu Group International และเป็นธุรกิจที่โดดเด่นและเป็นที่รู้จักมากที่สุดของ Lulu Group International ปัจจุบันมีมากกว่า 200 สาขาทั่วโลก โดยบริษัทมีสำนักงานสำหรับจัดซื้อสินค้าเพื่อมาจำหน่ายใน Hypermarket กระจายอยู่ทั่วโลก ในภูมิภาคอาเซียนมีสำนักงานจัดซื้ออยู่ในเวียดนาม มาเลเซีย อินโดนีเซีย และไทย โดยสำนักงานจัดซื้อในไทย คือ บริษัท EMKE Export (Thailand)

ก่อนหน้านี้ กรมฯ โดยสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ   ณ เมืองดูไบ กรุงเตหะราน และกรุงไคโร ร่วมมือกับ Lulu Hypermarket จัดกิจกรรมส่งเสริมการขายใน Lulu Hypermarket ประเทศโอมาน กาตาร์ และอียิปต์ ในเดือนก.ย. 2564 โดยมีมูลค่าการสั่งซื้อรวม 83.7 ล้านบาท แบ่งเป็นการสั่งซื้อทันที 5.2 ล้านบาท และการสั่งซื้อภายใน 1 ปี 78.5 ล้านบาท สินค้าที่ได้รับความนิยม ได้แก่ ผักและผลไม้สด ซอสและเครื่องปรุงรส ผลไม้อบแห้งและของขบเคี้ยว เป็นต้น

ในปี 2564 ตะวันออกกลางเป็นคู่ค้าอันดับที่ 4 ของไทย โดยไทยและซาอุดีอาระเบียมีมูลค่าการค้าระหว่างกัน 30,780.57 ล้านดอลลาร์เพิ่มขึ้น 48.53% และในช่วง 8 เดือนของปี 2565 (ม.ค.–ส.ค.) มีมูลค่าการค้าระหว่างกัน 32,101.88 ล้านดอลลาร์เพิ่มขึ้น 72.02% โดยสินค้าที่ไทยส่งออกไปตะวันออกกลาง 5 อันดับแรก ได้แก่ 1. รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ 2. ข้าว 3. เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ 4. ไม้และผลิตภัณฑ์ไม้       5. ผลิตภัณฑ์ยาง ส่วนสินค้าที่ไทยนำเข้าจากตะวันออกกลาง 5 อันดับแรก ได้แก่ 1. น้ำมันดิบ 2. เคมีภัณฑ์    3. เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ 4. เครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบ 5. แผงวงจรไฟฟ้า