เปิด 5 ความผิดพลาดกระทบเศรษฐกิจจีนที่ส่งผลต่อโลก
แนวโน้มเศรษฐกิจโลกถดถอยดูเหมือนจะเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้เสียแล้ว ปัจจัยที่ต้องจับตาคือเศรษฐกิจจีนที่ใหญ่เป็นอันดับสองของโลกจะเป็นอย่างไร เพราะถ้าเศรษฐกิจแดนมังกรมีปัญหาย่อมส่งผลไปถึงระดับโลกอย่างแน่นอน
สำนักข่าวบีบีซี รายงานว่าเศรษฐกิจจีนกำลังชะลอตัว เนื่องจากประเทศมีมาตรการโควิดเป็นศูนย์บวกกับความต้องการในตลาดโลกลดลงด้วย สัปดาห์หน้าทางการจะเผยแพร่ตัวเลขจีดีพีประจำไตรมาส ก.ค.-ก.ย.
หากเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับสองของโลกหดตัว ยิ่งเพิ่มโอกาสให้เศรษฐกิจโลกถดถอย เป้าหมายจีดีพีจีนปี 2565 เติบโตที่ระดับ 5.5% ตอนนี้ไกลเกินฝันเสียแล้ว
นักเศรษฐศาสตร์จำนวนหนึ่งไม่เชื่อว่าเศรษฐกิจจีนจะขยายตัวได้ แม้จีนไม่เจอเงินเฟ้อสูงเหมือนสหรัฐและสหราชอาณาจักร แต่ก็มีปัญหาด้านอื่นๆ โรงงานของโลกแห่งนี้จู่ๆ ก็มีผู้บริโภคสินค้าลดลงทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ ความตึงเครียดระหว่างจีนกับเขตเศรษฐกิจใหญ่อย่างสหรัฐส่งผลกระทบต่อจีดีพีด้วย
เงินหยวนอ่อนค่ามากที่สุดในรอบหลายสิบปีเมื่อเทียบกับดอลลาร์ นักลงทุนขวัญเสีย ความไม่แน่นอนในตลาดเงินเพิ่มขึ้น ธนาคารกลางจีนจะอัดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจก็ทำได้ยาก
ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงต้องเดิมพันสูงมาก ด้วยคาดว่าเขาจะได้ครองตำแหน่งเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์เป็นสมัยที่ 3 ในการประชุมใหญ่ของพรรคเริ่มวันที่ 16 ต.ค.นี้
บีบีซี รวบรวม 5 ความผิดพลาดที่กำลังเกิดขึ้นกับเศรษฐกิจจีน
1. นโยบาย‘โควิดเป็นศูนย์’สร้างหายนะ
การล็อกดาวน์ในหลายเมือง รวมถึงเมืองศูนย์กลางการผลิตอย่างเสิ่นเจิ้นและเทียนจิน ทำลายกิจกรรมทางเศรษฐกิจในทุกอุตสาหกรรม ประชาชนซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคภัณฑ์ อาหาร หรือท่องเที่ยวได้น้อยลง ทำให้ภาคบริการสำคัญตกอยู่ภายใต้แรงกดดัน
ในด้านการผลิต ข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติชี้ว่า กิจกรรมในโรงงานดูเหมือนฟื้นคืนมาในเดือน ก.ย. อาจเป็นเพราะรัฐบาลใช้จ่ายกับโครงการโครงสร้างพื้นฐานมากขึ้น แต่เกิดขึ้นสองเดือนหลังจากการผลิตไม่ขยายตัว ทำให้เกิดคำถามโดยเฉพาะนับตั้งแต่ผลสำรวจโดยเอกชนชี้ว่า ภาคการผลิตของโรงงานลดลงในเดือน ก.ย.ความต้องการในตลาดน้อย กระทบต่อผลผลิตคำสั่งซื้อใหม่ และการจ้างงาน
ความต้องการในประเทศอย่างสหรัฐลดลงเช่นกัน เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยสูง เงินเฟ้อ และสงครามในยูเครน
2. รัฐบาลลงมือทำไม่มากพอ
รัฐบาลปักกิ่งเข้ามาช่วยเหลือในเดือน ส.ค. ประกาศแผนการ 1 ล้านล้านหยวนสนับสนุนธุรกิจขนาดเล็ก โครงสร้างพื้นฐานและอสังหาริมทรัพย์ แต่รัฐบาลสามารถทำได้มากกว่านี้เพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายให้บรรลุเป้าหมายการเติบโตและการจ้างงาน เช่นลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานเพิ่มขึ้นอีก,ลดเงื่อนไขการกู้ยืมเงินสำหรับผู้ซื้อบ้านบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์และรัฐบาลท้องถิ่น,รวมทั้งลดหย่อนภาษีครัวเรือน
คูอิจส์กล่าวว่า การรับมือของรัฐบาลต่อเศรษฐกิจอ่อนแรงครั้งนี้ค่อนข้างน้อยเมื่อเทียบกับที่เคยทำตอนเศรษฐกิจซบเซาครั้งก่อน
3.ตลาดอสังหาริมทรัพย์วิกฤติ
กิจกรรมภาคอสังหาฯ ซบเซาและความรู้สึกไม่เชื่อมั่นชะลอการเติบโตทางเศรษฐกิจจีนอย่างไม่ต้องสงสัย ที่เป็นเช่นนี้เพราะอสังหาฯ และอุตสาหกรรมอื่นๆ คิดเป็นหนึ่งในสามของจีดีพีจีน
“เมื่อความเชื่อมั่นต่อตลาดอสังหาฯน้อยลง ทำให้ผู้คนรู้สึกไม่มั่นใจในสถานการณ์เศรษฐกิจทั้งหมด” คูอิจส์ให้เหตุผล
ผู้ซื้อบ้านระงับชำระผ่อนบ้านที่ยังสร้างไม่เสร็จบางคนสงสัยว่าบ้านจะสร้างเสร็จหรือไม่ ความต้องการซื้อบ้านหลังใหม่ลดลงส่งผลให้ความต้องการนำเข้าสินค้าต่าง ๆที่ใช้ก่อสร้างลดลงเช่นกัน
แม้รัฐบาลพยายามหนุนตลาด แต่ปีนี้ราคาบ้านในหลายสิบเมืองลดลงกว่า 20% เมื่อผู้รับเหมาอยู่ภายใต้ความกดดัน นักวิเคราะห์แนะว่ารัฐบาลควรทำอะไรมากกว่านี้ เพื่อฟื้นความเชื่อมั่นในตลาดอสังหาฯกลับมาให้ได้
4.สภาพอากาศเปลี่ยนแปลงซ้ำเติมสถานการณ์
สภาพอากาศสุดขั้วเริ่มส่งผลกระทบยาวนานต่อภาคอุตสาหกรรมของจีนคลื่นความร้อนรุนแรงตามด้วยภัยแล้งส่งผลกระทบต่อมณฑลเสฉวนทางตะวันตกเฉียงใต้ และเมืองฉงชิ่งเมื่อเดือน ส.ค. ขณะที่ความต้องการเครื่องปรับอากาศพุ่งสูง
โรงงานทั้งหลาย รวมถึงผู้ผลิตรายใหญ่ อย่างฟ็อกซ์คอนน์ ผู้ผลิตไอโฟนและเทสลาต้องลดชั่วโมงทำงานหรือปิดโรงงานเลย
ข้อมูลจาก สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน กล่าวในเดือน ส.ค.ว่า กำไรเฉพาะของอุตสาหกรรมเหล็กและเหล็กกล้าลดลงมากกว่า 80% ในช่วง 7 เดือนแรกของปีนี้เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
5.บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่สูญเสียนักลงทุน
การกำหนดกฎระเบียบเล่นงานยักษ์ใหญ่เทคโนโลยี ที่ดำเนินมาสองปีไม่ได้ช่วยอะไรเทนเซ็นต์และอาลีบาบารายงานรายได้ลดลงครั้งแรกในไตรมาสล่าสุด กำไรเทนเซ็นต์ลดลง 50% ส่วนรายได้สุทธิอาลีบาบาลดลงครึ่งหนึ่ง
แรงงานหนุ่มสาวนับหมื่นคนต้องตกงาน ยิ่งเพิ่มวิกฤติจ้างงานในประเทศที่ประชาชนอายุ 16-24 ปี 1 ใน 5 ตกงาน นี่อาจสร้างความเสียหายต่อผลิตภาพและการเติบโตของเศรษฐกิจจีนในระยะยาว
นักลงทุนกำลังรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงในปักกิ่ง บริษัทเอกชนที่เคยประสบความสำเร็จอย่างมากบางแห่งของจีนถูกตรวจสอบมากขึ้น ในช่วงที่ประธานาธิบดีสีกระชับอำนาจขึ้นทุกขณะ รัฐวิสาหกิจดูเหมือนได้ประโยชน์ นักลงทุนต่างชาติกำลังถอนเงินออก
ซอฟต์แบงก์ กรุ๊ป คอร์ปของญี่ปุ่นถอนเงินสดมหาศาลออกจากอาลีบาบา ขณะที่เบิร์กเชียร์แฮทาเวย์ของวอร์เรน บัฟเฟตต์ขายหุ้นบริษัทบีวายดี ส่วนเท็นเซนต์เฉพาะช่วงครึ่งปีหลังถอนการลงทุนมูลค่ากว่า 7,000 ล้านดอลลาร์
เอสแอนด์พี โกลบอล เรทติ้ง ย้ำว่าบางบริษัทตัดสินใจเลื่อนการลงทุนออกไป บริษัทต่างชาติบางแห่งมองหาการขยายการผลิตไปประเทศอื่น
โลกกำลังคุ้นชินกับความจริงที่ว่า รัฐบาลปักกิ่งอาจไม่เปิดกว้างต้อนรับธุรกิจเหมือนเดิมได้แต่สี จิ้นผิงกำลังนำความสำเร็จของเศรษฐกิจที่เคยสร้างความรุ่งโรจน์ให้กับจีนมาหลายสิบปีไปเสี่ยงอันตราย