ปตท. เปิดโรงงานผลิตผ้าไม่ถักไม่ทอ ผลิตวัสดุสิ้นเปลืองทางการแพทย์ลดนำเข้า
กลุ่มปตท. เปิดโรงงานผลิตผ้าไม่ถักไม่ทอของ “อินโนโพลีเมด” ผลิตวัตถุดิบสำหรับวัสดุสิ้นเปลืองทางการแพทย์ ลดพึ่งพาการนำเข้า ยกระดับอุตสาหกรรมทางการแพทย์–ดันไทยก้าวสู่ Medical Hub
นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) นายกฤษณ์ อิ่มแสง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) หรือ ไออาร์พีซี และ ดร.บุรณิน รัตนสมบัติ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจใหม่และโครงสร้างพื้นฐาน บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และประธานกรรมการ บริษัท อินโนบิก (เอเซีย) จำกัด (อินโนบิก) ร่วมในพิธีเปิดโรงงานผลิตผ้าไม่ถักไม่ทอ (non-woven fabric) ได้แก่ ผ้าเมลต์โบลน (M) ผ้าสปันบอนด์ (S) และผ้าไม่ถักไม่ทอแบบหลายชั้น (SS, SMS, SMMS) ของ บริษัท อินโนโพลีเมด จำกัด”(อินโนโพลีเมด) กำลังการผลิตประมาณ 5,600 ตันต่อปี ณ เขตประกอบการอุตสาหกรรมไออาร์พีซี จ.ระยอง เริ่มดำเนินการผลิตเชิงพาณิชย์ตั้งแต่ไตรมาส 2 ปี 2565
โดย อินโนโพลีเมด ใช้เม็ดพลาสติกพีพี (โพลิโพรพิลีน) ที่ปราศจากสารทาเลต (Phthalate) คิดค้นวิจัยพัฒนาและผลิตโดย ไออาร์พีซี ในการผลิตผ้าไม่ถักไม่ทอ จึงมีความปลอดภัยต่อผู้บริโภค
ทั้งนี้ ผ้าเมลต์โบลน มีลักษณะเป็นเส้นใยขนาดเล็ก มีความละเอียดในระดับนาโนเมตรถึงไมโครเมตร ทำให้มีประสิทธิภาพในการกรองสูง ในขณะที่ผ้าสปันบอนด์ และผ้าไม่ถักไม่ทอแบบหลายชั้น มีความแข็งแรงสูง ป้องกันของเหลว และเชื้อโรค เหมาะสำหรับนำไปเป็นวัตถุดิบสำหรับการผลิตวัสดุสิ้นเปลืองทางการแพทย์ และผลิตภัณฑ์เพื่อสุขอนามัย ได้แก่ หน้ากากอนามัย ชุดกาวน์ ชุด PPE ผ้าอ้อมเด็กและผู้ใหญ่ รวมถึงแผ่นกรองต่างๆ เป็นต้น
บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) และบริษัท อินโนบิก (เอเซีย) จำกัด ได้ร่วมทุนก่อตั้ง บริษัท อินโนโพลีเมด จำกัด เพื่อดำเนินธุรกิจวัสดุสิ้นเปลืองทางการแพทย์ของกลุ่ม ปตท. โดยโรงงานผลิตผ้าไม่ถักไม่ทอนี้ เกิดจากการบูรณาการองค์ความรู้ด้านธุรกิจปิโตรเคมี และชีววิทยาศาสตร์ (Life Science) ในการบรรเทาปัญหาการขาดแคลนวัตถุดิบสำหรับการผลิตหน้ากากอนามัย หน้ากาก N95 ชุด PPE และชุดกาวน์
ซึ่งที่ผ่านมาประเทศไทยต้องนำเข้าวัตถุดิบสำหรับผลิตภัณฑ์ดังกล่าวทั้งหมด และเป็นการต่อยอดการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์โดยคนไทย ลดการนำเข้า สร้างความมั่นคงทางด้านสาธารณสุขและสร้างความแข็งแกร่งให้กับอุตสาหกรรมทางการแพทย์ สอดคล้องกับยุทธศาสตร์การส่งเสริมพัฒนาอุตสาหกรรมเป้าหมายของประเทศ New S-Curve ทางด้านการแพทย์ครบวงจร (Medical Hub) ของไทย