เศรษฐกิจถดถอยกำลังมา รัฐบาลอย่าอยู่แค่รอยุบสภา
วิกฤติพลังงาน อัตราเงินเฟ้อ การชะลอตัวของเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าสำคัญ กำลังเป็นสัญญาณเศรษฐกิจถดถอยในปี 2566 รัฐบาลจึงต้องรีบวางแผนรับมือปัญหาเศรษฐกิจที่จะเกิดขึ้นในระยะยาวให้ดี ไม่ใช่เพียงหวังทำคะแนนเพื่อหวังชนะการเลือกตั้งครั้งต่อไป
ถึงแม้สถานการณ์ราคาพลังงานในตลาดโลกจะมีทิศทางอ่อนตัวลง แต่ราคาพลังงานในประเทศไทย โดยเฉพาะราคาน้ำมันดีเซลยังคงทรงตัวในระดับสูง เพราะต้องมีการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงและติดลบไปกว่า 120,000 ล้านบาท ในขณะที่ราคาน้ำมันในตลาดโลกอาจจะไม่ลดต่ำไปกว่านี้มากนัก จึงนับได้ว่า วิกฤติพลังงานยังคงเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อในปี 2566 ที่จะเป็นต้นทุนของภาคธุรกิจและประชาชน และยังคงเป็นแรงกดดันต่ออัตราเงินเฟ้อของประเทศไทยอีกระยะ
ในขณะที่การส่งออกที่ทำสถิติสูงต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2564 ต่อเนื่องถึงช่วงต้นปี 2565 พบว่าขณะนี้การส่งออกเริ่มชะลอตัว โดยคำสั่งซื้อไตรมาสที่ 4 ของปีนี้จะไม่ร้อนแรงเมื่อเทียบกับปี 2564 และถึงแม้ว่าการส่งออกในปีนี้จะมีอัตราการขยายตัวได้เกือบ 10% แต่เป็นที่แน่นอนว่าอัตราการส่งออกในปีหน้าจะไม่ถึง 5% สัญญาณนี้จึงเป็นการเตือนให้การบริหารเศรษฐกิจนับจากนี้ต้องวางแผนให้ดี เพราะจะเหลือเพียงเครื่องยนต์การท่องเที่ยวที่กำลังไต่ระดับขึ้น แต่อาจไม่เพียงพอที่จะช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจในอัตราเร่ง
การชะลอตัวของเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าสำคัญกลายมาเป็นอุปสรรคสำคัญของการส่งออกในปี 2566 โดยการค้าโลกเริ่มแผ่ว หลังการชะลอตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐ ยุโรป จีน ซึ่งถือเป็นประเทศหลักที่มีบทบาทต่อเศรฐกิจโลก และทำให้มูลค่าการค้าโลกชะลอตัวลงต่อเนื่อง รวมทั้งส่งผลต่อการส่งออกของหลายประเทศปรับตัวลดลงต่อเนื่องตามไปด้วย และเมื่อหันมามองการส่งออกของไทย พบว่าการส่งออกปรับตัวลดลงหลายรายการ จึงทำให้การส่งออกจะไม่ใช่เครื่องยนต์หลักเหมือนอดีต
รัฐบาลที่วุ่นวายกับการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าจะต้องตั้งสติให้ดี แผนบริหารราชการแผ่นดินที่จัดเตรียมไว้ควรนำมาพิจารณาว่าต้องมีการปรับเปลี่ยนสิ่งใดบ้าง เพื่อให้สอดคล้องกับบริบทปัจจุบัน พรรคร่วมรัฐบาลจะมุ่งผลักดันโครงการเพื่อสร้างคะแนนนิยมในช่วงปลายรัฐบาลเพียงอย่างเดียวไม่ได้ จะปล่อยให้เศรษฐกิจไทยไปตามยถากรรม แต่พรรคร่วมรัฐบาลกลับเลือกขับเคลื่อนนโยบายเพื่อรอการเลือกตั้งในอีกไม่กี่เดือน สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ไม่ควรคิดและไม่ควรทำ
หลายฝ่ายต้องการนโยบายที่จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ซึ่งจะเป็นการเตรียมความพร้อมในการแข่งขันกับหลายชาติในภูมิภาคที่กำลังเร่งสปีดทางเศรษฐกิจ แม้แต่การเป็นเจ้าภาพเอเปคที่เป็นเขตเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดของโลก ยังได้รับการผลักดันไม่เต็มที่ จะทำให้ประเทศไทยขาดโอกาสในการแสดงศักยภาพและสร้างความเชื่อมั่นการค้าการลงทุน สิ่งที่จะเกิดขึ้นนับจากนี้อย่าทำให้รู้สึกว่ารัฐบาลอยู่ไปวัน ๆ เพื่อรอยุบสภาและเลือกตั้ง เพราะเศรษฐกิจโลกถดถอยอาจมีผลกระทบแรงกว่าที่คิด