หุ้นยุโรปปิดลบ วิตกรัสเซีย-ยูเครนตึงเครียด จับตาผลประกอบการ
ตลาดหุ้นยุโรปปิดลดลงในวันจันทร์ (10 ต.ค.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงระมัดระวังในการซื้อขายหุ้นก่อนการเปิดเผยผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่ในสัปดาห์นี้ ขณะที่ความวิตกเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 390.12 จุด ลดลง 1.55 จุด หรือ -0.40% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,840.55 จุด ลดลง 26.39 จุด หรือ -0.45%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 12,272.94 จุด ลดลง 0.06 จุด หรือ -0.001% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,959.31 จุด ลดลง 31.78 จุด หรือ -0.45%
ตลาดหุ้นยุโรปปิดลดลงเป็นวันที่ 4 ติดต่อกัน โดยความวิตกทางด้านภูมิรัฐศาสตร์เพิ่มขึ้นในวันจันทร์ หลังจากรัสเซียเปิดฉากโจมตีทางอากาศเป็นวงกว้างมากที่สุดนับตั้งแต่เริ่มสงครามยูเครน ซึ่งประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินแห่งรัสเซียระบุว่าเป็นการแก้แค้นเหตุระเบิดบนสะพานไครเมีย
ดัชนี STOXX 600 ร่วงลงมากกว่า 3% แล้วในช่วง 4 วันที่ผ่านมาจากความวิตกเกี่ยวกับการคุมเข้มนโยบายการเงินของธนาคารกลางต่าง ๆ ซึ่งส่งผลกระทบต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ โดยข้อมูลเมื่อวันศุกร์บ่งชี้ว่า ข้อมูลการจ้างงานที่แข็งแกร่งของสหรัฐได้บดบังความหวังที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วๆ นี้
บรรดานักลงทุนจะจับตาการเปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 3 ในสัปดาห์นี้ รวมถึงจากธนาคารกลางรายใหญ่เพื่อประเมินผลกระทบของแรงกดดันด้านราคาและแนวโน้มการขยายตัวทางเศรษฐกิจ
ธนาคารกลางฝรั่งเศสได้ปรับลดการคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจ เนื่องจากกิจกรรมการผลิตอ่อนแอลง
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีนำตลาด ร่วงลง 1.9% ตามมาด้วยกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ แต่หุ้นกลุ่มเคมีภัณฑ์และกลุ่มค้าปลีกปรับตัวขึ้นสวนทางตลาด
หุ้นกลุ่มผลิตชิปของยุโรปร่วงลง หลังสหรัฐออกมาตรการควบคุมการส่งออกชิปให้กับจีน โดยหุ้นเอเอสเอ็มแอล โฮลดิ้ง, หุ้นอินฟิเนียน และหุ้นบีอี เซมิคอนดักเตอร์ ร่วงลง 1-3%
หุ้นกลุ่มสินค้าหรูหราซึ่งพึ่งพาตลาดจีน อาทิ เบอเบอร์รี, เคอริ่ง, หลุยส์วิตตอง, แอร์เมส และริชมอนต์ ร่วง 1-2% หลังยอดใช้จ่ายในช่วงวันหยุดของจีนร่วงลง และสถานการณ์โควิด-19 ในจีนย่ำแย่ลงในช่วงวันหยุดโกลเด้นวีคเนื่องในวันชาติจีน
แต่หุ้นเรโนลต์ปรับตัวขึ้น 2.4% สวนทางตลาด หลังเรโนลต์ของฝรั่งเศสและนิสสันของญี่ปุ่นเปิดเผยว่า กำลังหารือกันเกี่ยวกับอนาคตของการเป็นพันธมิตรระหว่างกัน