ดาวโจนส์ร่วง 505 จุด หลังเฟดขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.75%
ดัชนีดาวโจนส์ ปิดวันพุธ(2พ.ย.)ปรับตัวร่วงลง 505 จุด จากความเห็นของเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด) หลังเฟดปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.75%
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปรับตัวลง 505.44 จุด หรือ 1.55 เปอร์เซ็นต์ ปิดที่ 32,147.76 จุด
ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ลดลง 96.41 จุด หรือ 2.50% ปิดที่ 3,759.69 จุด
ดัชนีแนสแด็ก ลดลง 366.05 จุด หรือ 3.36% ปิดที่ 10,524.80 จุด
การซื้อขายหุ้นที่ตลาดหุ้นวอลสตรีทเป็นไปอย่างผันผวน ก่อนจะปิดตลาดปรับตัวลง หลังคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟดมีมติปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.75% ถือเป็นการปรับขึ้นระดับนี้ 4 ครั้งติดต่อกัน เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามฉุดเงินเฟ้อที่พุ่งสูงให้ลดต่ำลงมา
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวส่งผลให้อัตราดอกเบี้นนโยบายอยู่ที่ระดับ 3.75% ถึง 4.00% แต่เฟดส่งสัญญาณว่ามีความระมัดระวังต่อผลกระทบของการปรับขึ้นดอกเบี้ยที่มีต่อภาวะเศรษฐกิจมากขึ้น
อย่างไรก็ตามความเห็นของนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟดที่เตือนว่า เป็นการเร็วเกินไปที่จะคิดถึงการหยุดปรับขึ้นดอกเบี้ย ส่งผลให้ตลาดหุ้นปิดตัวร่วงลงอย่างหนัก
ด้านออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) เปิดเผยว่า การจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐเพิ่มขึ้น 239,000 ตำแหน่งในเดือนต.ค. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 195,000 ตำแหน่ง จากระดับ 192,000 ตำแหน่งในเดือนก.ย.
ภาคบริการมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 247,000 ตำแหน่งในเดือนต.ค. ขณะที่ภาคการผลิตมีการจ้างงานลดลง 8,000 ตำแหน่ง
นักลงทุนจับตาตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรในวันศุกร์นี้ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานเพิ่มขึ้นเพียง 205,000 ตำแหน่งในเดือนต.ค. หลังจากเพิ่มขึ้น 263,000 ตำแหน่งในเดือนก.ย.